ตร.เปิดปฏิบัติกวาดล้าง
เครือข่ายยานรกใน22จว.
จับผู้ต้องหาเกือบพันคน
ยึดยาบ้ากว่า100ล้านเม็ด
ตำรวจเปิดปฏิบัติการ ปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายนักค้ายานรก 22 จังหวัดในพื้นที่ ตร.ภูธรภาค 7, 8 และ 9 เกือบ 1,500 เป้าหมาย
ทลายเครือข่ายผู้ผลิตยานรก 505 รวบผู้ต้องหากว่า 900 คน ยึดยาบ้ากว่า 100 ล้านเม็ด อาวุธปืนอีกอื้อ ยึดทรัพย์อีกกว่า 100 ล้านบาท ผู้ช่วย ผบ.ตร.เผยยาทั้งหมดเตรียมลำเลียงส่งประเทศที่ 3 ห่วงยาบ้าสร้างความเดือดร้อนเกิดการเพี้ยนคลั่ง-ก่อเหตุกราดยิง
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 31 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้แถลงข่าวภายหลังจากสำนักงาน ป.ป.ส.กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 7 ภาค 8 และภาค 9 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันบูรณาการ เปิดปฎิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ภาค 8 และภาค 9 ในพื้นที่ 22 จังหวัด 155 สถานีตำรวจ
โดยมีเป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดจำนวน 505 เครือข่ายและเป้าหมายจุดล้อมตรวจค้นทั้งสิ้น จำนวน 1,492 เป้าหมาย สามารถจับกุมได้ 765 คดี จับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลางยาเสพติด หรืออาวุธปืนทั้งสิ้น 786 คน ศาลอนุมัติออกหมายจับ 57 หมายจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 44 คน การตรวจยึดของกลาง ได้แก่ยาบ้า 1,388,000 เม็ด ไอซ์ 50,250 กรัม เคตามีน 2.20 กรัม เฮโรอีน 25.31 กรัม ยาอี 5 เม็ด ยาแก้ไอ 62 เม็ด 14 ขวด อาวุธปืน 71 กระบอก รถยนต์ 3 คัน ตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ รวมมูลค่าประมาณ 54,821,150 บาท ทรัพย์ของกลาง 4,000,000 บาท ทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องฯ 44,660,500 บาท
พฤติการณ์ในการจับกุมบางส่วน เจ้าพนักงานชุดจับกุมได้ร่วมกันทำการสืบสวนจับกุมเครือข่าย นักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีพฤติกรรมร่วมกันติดต่อสั่งซื้อยาเสพติดจากเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง เพื่อส่งจำหน่ายให้เครือข่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนจะจับกุมตัวผู้ต้องหา หลังจากนั้น เจ้าพนักงานชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนขยายผลทราบว่ายังมีเครือข่าย ไม่ถูกจับกุมเตรียมการในการลักลอบลําเลียงยาเสพติดชนิดยาบ้าจํานวนมากจากพื้นที่ภาคกลาง เพื่อนำส่งให้เครือข่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากนั้นจึงได้ประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนขยายผลและติดตามจับกุมดังกล่าว
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่าวันนี้ตำรวจทั้ง 3 ภาค เปิดปฎิบัติการพร้อมกันโดยมีเป้าหมายจำนวนกว่า 1,000 เป้าหมาย สามารถจับกุม ผู้ต้องหาได้ทั้งหมดประมาณ 900 กว่าราย แบ่งเป็น ภาค 7 ได้จำนวน 252 ราย ภาค 8 ได้จำนวน 273 ราย และภาค 9 ได้จำนวนกว่า 300 ราย โดยยึดของกลางเป็นยาเสพติด ยาบ้า จำนวน 1 ล้านกว่าเม็ด และยาไอซ์ ฯลฯ ซึ่งเป็นผลงานของ จ.นราธิวาส ส่วนยาบ้ารายใหญ่ที่จับได้ก็มีในพื้นที่ จ.สงขลา และ จ.พัทลุง และนอกจากนั้นยังคงยึดอาวุธปืนรวมทั้ง 3 ภาคแล้ว ประมาณเกือบ 100 กระบอก โดยเฉพาะปลายทางในการลำเลียงยาเสพติดภาคใต้นั้นจะใช้พื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่จะลักลอบเข้ามาจำหน่าย ก็ได้มีการทลายเครือข่าย มีการยึดทรัพย์ทั้ง 3 ภาคในวันนี้รวมแล้วมูลค่าหลาย 100 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่ายาเสพติดเหล่านี้ได้มีการหลุดลอดและตกหล่นแพร่ระบาดในพื้นที่บ้าง แต่เป้าหมายจริงๆคือส่งไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งอยู่ในระหว่างการขายผลต่อไป
พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า ปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาที่สังคมไทยห่วงใย เดือดร้อนจากการที่บุตรหลานติดยาเสพติด เมื่อเสพมากๆก็จะเกิดการเพี้ยนและคลั่ง ยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์กราดยิง ที่ จ.หนองบัวลำภู จำนวน 38ศพ สตช.ได้ดำเนินการเชิงรุกในการปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ขยายผลการจับกุม และยึดทรัพย์สินผู้ค้ายาเสพติดประกอบกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีนโยบายให้ทุกหน่วยในสังกัด ดำเนินการปราบปรามทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกระดับ เพิ่มความเข้มในการทำลายเครือข่ายผู้ค้ารายย่อยในระดับชุมชน ที่มีความใกล้ชิดกันประชาชนอย่างจริงจัง และให้ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมดำเนินคดีและยึดทรัพย์สินผู้ค้า ยาเสพติด ทั้งระดับรายย่อยในชุมชน ผู้ค้ารายกลางและรายใหญ่ที่มีความเชื่อมโยงหลายพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี