ไฟป่าลามหนักพื้นที่ดอยตุง
เสียหาย500ไร่
เจ้าหน้าที่เร่งสกัด-เฝ้าระวัง
แม่ฮ่องสอนพบจุดความร้อน313จุด
เหนืออ่วมฝุ่นพิษพุ่ง405มคก./ลบม.
กทม.-ปริมณฑลเกินมาตรฐาน27จุด
ไฟป่าลามพื้นที่ดอยตุงเสียหายกว่า 500 ไร่ จนท.เร่งดับและเฝ้าระวังอีก 7 อำเภอ ขณะที่แม่ฮ่องสอนสถานการณ์ยังคงหนักอย่างต่อเนื่อง ดาวเทียมตรวจพบจุดฮอทสปอตสูงถึง 313 จุดศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เผยหลายพื้นที่ยังคงอ่วมฝุ่นพิษ โดยเฉพาะภาคเหนือบางพื้นที่ค่าฝุ่นพุ่งสูงทะลุ 405 มคก./ลบ.ม. ส่วนกรุงเทพฯและปริมณฑล เกินมาตรฐาน 27 พื้นที่
เมื่อวันที่ 6 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีควบคุมไฟป่าดอยตุง โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ นำเจ้าหน้าที่ของสถานี ร่วมกับฝ่ายปกครอง ทหารกองกำลังผาเมือง กำลังอาสาสมัครดับไฟป่า และรถดับเพลิง อีก 8 คัน เข้าไประงับเหตุไฟป่าที่โหมลุกไหม้อย่างหนักบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา เขตติดต่อหมู่บ้านผาบือและหมู่บ้านลาบา ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยไฟได้ลุกไหม้ผืนป่าและหญ้าแห้งจนเกิดเป็นเปลวร้อนเต็มขุนเขาและพื้นที่ที่อยู่ติดกับถนนเลียบชายแดน รวมทั้งได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว แต่ไฟก็ขยายวงสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ต้องฉีดพ่นน้ำ และทำแนวกันไฟเพื่อไม่ให้ลุกลามขยายวงออกไป
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่เวลา 15.00 น. ของวันที่ 5 เม.ย. โดยไฟได้ลุกลามข้ามแนวกันไฟครอบคลุมพื้นที่ป่าประมาณ 500 ไร่จากพื้นที่ทั้งหมด 91,779 ไร่ กระทั่งเวลาประมาณ 23.40 น. สามารถควบคุมไฟได้แล้วประมาณ 70% รายงานข่าวแจ้งว่าสาเหตุไม่ได้เกิดจากการลุกลามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่เกิดจากสายไฟฟ้าพาดลงมาถูกกอไผ่แห้ง ทำให้กระแสไฟฟ้าลัดวงจรและเกิดเปลวไฟลุกไหม้
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ทหารร้อย ม.2 ฉก.ทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าร่วมดับไฟที่ลุกลามหนักพื้นที่หมู่บ้านผาบือ-บ้านลาบา ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จนควบคุมเพลิงเอาไว้ได้แล้ว
ส่วนพื้นที่ดอยตุงพบว่าที่ดอยจระเข้ ต.ป่าตึง อ.แม่จัน ป่าดอยพระบาท ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย เจ้าหน้าที่ได้นำเฮลิคอปเตอร์ KA 32 จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นำน้ำไปโปรยตรงจุดที่สูงชันและเดินเข้าไปถึงได้ยาก จนสามารถยับยั้งไฟไม่ให้ลุกลามออกไปได้กว่า 70-80% นอกจากนี้ไฟยังโหมลุกไหม้ป่าเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวงติดกับหมู่บ้านถ้ำปางสา ต.สันกลาง อ.พาน จนเกิดเปลวไฟและควันเต็มขุนเขาในช่วงคืนที่ผ่านมาด้วย
ด้าน ศบก.ไฟป่า จ.เชียงราย ตรวจสอบจุดความร้อนหรือ Hot Spot ในช่วงเช้าวันที่ 6 เม.ย. พบว่ามีจำนวน 271จุด โดยพบมากในเขต อ.แม่สรวย จำนวน 53 จุด อ.เมืองเชียงราย 52 จุด อ.พาน 50 จุด อ.แม่ฟ้าหลวง จำนวน 19 จุด อ.เวียงแก่น จำนวน 18 จุด อ.เทิง จำนวน 17 จุด อ.เวียงป่าเป้า จำนวน 16จุด ฯลฯ ซึ่งทางผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ยังคงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าดับไฟและเฝ้าระวังการลุกลามในทุกพื้นที่
ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยข้อมูลจุดไฟป่าของวันที่ 5 เม.ย.66 ที่ผ่านมาดาวเทียมตรวจพบจุดไฟป่าในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน ทั้งหมด จำนวน 313 จุด ขณะที่เช้าวันนี้ ตรวจพบจุดไฟป่าแล้วจำนวน 190 จุด สูงสุดที่ อ.ปาย 75 จุด, อ.เมืองแม่ฮ่องสอน 50 จุด, อ.ขุนยวม 24 จุด, อ.ปางมะผ้า 13 จุด, อ.แม่สะเรียง 13 จุด อ.สบเมย 8 จุด และ อ.แม่ลาน้อย 7 จุด จากสถานการณ์ไฟป่าที่ยังคงหนักอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ค่าปริมาณฝุ่นละอองใน อ.ปาย วัดได้ 398 มคก./ลบ.ม., อ.เมืองแม่ฮ่องสอน วัดได้ 196 มคก./ลบ.ม.และ อ.แม่สะเรียงวัดได้ 132 มคก./ลบ.ม. โดยเฉพาะที่ อ.ปาย ค่าฝุ่นพิษเกินมาตรฐานถึง 7 เท่า กระทบต่อสุชภาพประชาชนอย่างหนัก
นายเอนก ปันทะยม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ได้รับรายงานผลการปฏิบัติงาน เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในพื้นที่ อ.ปาย ดังนี้ ตามที่ได้รับรายงานมาว่าในพื้นที่ อ.ปายมีค่า pm 2.5 จากหมอกควันไฟป่า ซึ่งเกินค่ามาตรฐานอยู่ในขั้นที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ได้สั่งการให้ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอปายประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อ.ปาย และเจ้าหน้าที่ศูนย์ ปภ.เขต 10 ที่มาประจำการอยู่ในพื้นที่ อ.ปายนำรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.ปาย
ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 6 เมษายน 2566 เวลา 12:00 น. สรุปดังนี้ ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานในกรุงเทพฯ จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรปราการ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.น่าน จ.แม่ฮ่องสอน จ.พะเยา จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.พิษณุโลก จ.ตาก จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์ จ.นครสวรรค์ จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.อ่างทอง จ.สุพรรณบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ราชบุรี จ.บึงกาฬ จ.หนองคาย จ.เลย จ.นครพนม จ.หนองบัวลำภู จ.สกลนคร จ.กาฬสินธุ์ และ จ.อุบลราชธานี
ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 49 - 405 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 34 - 161 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 33 - 66 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 23 - 39 มคก./ลบ.ม. ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 11 - 21 มคก./ลบ.ม.
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. เกินค่ามาตรฐาน 27 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 38 - 77 มคก./ลบ.ม.
คำแนะนำทางสุขภาพ ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์
สำหรับประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีแดง) ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์
กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 7-13 เม.ย. สถานการณ์ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ยังคงมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากสภาพอากาศที่เปิดมากขึ้น เพดานการลอยตัวอากาศที่สูงขึ้น ประกอบกับลมทางใต้ที่กำลังแรง ช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ อย่างไรก็ตามวันที่ 7 เม.ย. อาจมีสภาพอากาศที่ปิดได้ในบางพื้นที่ แต่ภาพรวมของพื้นที่ ยังคงอยู่ในเดณฑ์มาตรฐาน
พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ มีแนวโน้มที่ควรเฝ้าระวังในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านในวันที่ 7-13 เม.ย. โดยในช่วงหลังวันที่ 8 เม.ย. เป็นต้นไป สถานการณ์ในภาคเหนือตอนบนจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่เปิดมากขึ้น
ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ สำหรับประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีแดง) ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี