ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเมธ ธิมา หัวหน้าฝ่ายจัดการความปลอดภัยเขื่อนและอาคารชลประทาน สำนักงานชลประทานที่ 2กรมชลประทาน เผยว่า สำนักงานชลประทานที่ 2 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือคือ ลำปาง เชียงราย น่าน และพะเยา ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบสภาพทางด้านวิศวกรรมของเขื่อน ทั้งสภาพโครงสร้างภายนอกและพฤติกรรมภายในตัวเขื่อน ก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูฝนตามนโยบายของกรมชลประทาน โดยจะทำการตรวจสอบทั้งสภาพโครงสร้างภายนอกและพฤติกรรมภายในตัวเขื่อน จะเน้นอ่างเก็บน้ำที่อายุการใช้งานนาน และอยู่ใกล้กับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยเป็นลำดับต้น ซึ่งทั้งนี้ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือดังกล่าวอ่างเก็บน้ำในความดูแลรวมกว่า 200 แห่ง

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพเขื่อนและอาคารชลประทานที่ จ.พะเยา พบน้ำท่วมขังบริเวณด้านท้ายน้ำของทำนบดิน และอาคารระบายน้ำล้นของโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเคียนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นเขื่อนดินที่ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2546 พร้อมกับได้รับแจ้งจากเกษตรกรถึงสภาพน้ำท่วมขังบริเวณส่วนสลายพลังงานฝั่งซ้ายของโครงการฯ ตลอดทั้งปี และเมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายธรณีฟิสิกส์ กรมชลประทาน ทำการตรวจสอบแบบจำเพาะพบการรั่วซึมจำนวน 4 จุด จึงดำเนินการออกแบบทิศทางเพื่อปรับปรุงด้วยวิธีใช้แผ่นดินเหนียวสังเคราะห์ปูบริเวณทำนบดินด้านเหนือน้ำในเดือนธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหา มีค่าใช้จ่ายไม่สูง คุ้มค่ากับงบประมาณขณะนี้ผลดำเนินการแล้วเสร็จกว่า 90%

“การปรับปรุงซ่อมแซมอ่างฯห้วยเคียนจะเสร็จสมบูรณ์ก่อนเข้าหน้าฝนในเดือนพฤษภาคมนี้อย่างแน่นอน อ่างฯจะเก็บน้ำได้เต็มศักยภาพเก็บกัก 210,000 ลูกบาศก์เมตรการันตีเก็บน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภค-บริโภค น้ำเพื่อการปลูกข้าวนาปีให้เกษตรกรอำเภอจุนจ.พะเยาได้ 1,800-2,000 ไร่ ชาวบ้านทำการประมงบริเวณเหนือเขื่อนได้ตามปกติ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มพื้นที่ชุ่มน้ำให้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเวียงลอ และอ่างฯยังเป็นแหล่งน้ำให้สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในเขตดังกล่าวด้วย รวมถึงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้คน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง” นายสุเมธกล่าว

นอกจากนี้ กรมชลประทานได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดพฤติกรรมเขื่อนที่อ่างฯห้วยเคียน ได้แก่ เครื่องมือวัดแรงดันน้ำภายในตัวเขื่อน บ่อสังเกตระดับน้ำใต้ดิน และเครื่องมือตรวจวัดคลื่นแผ่นดินไหว เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้ตัวเขื่อนได้ทันเหตุการณ์มากขึ้นนอกจากการลงพื้นที่ตรวจด้วยสายตา รวมทั้งยัังได้ให้ความรู้ด้านการสังเกตพฤติกรรมเขื่อนให้กับเกษตรกรผู้ใช้น้ำเพื่อตรวจตราอาคารชลประทานและการบำรุงรักษาทำนบดิน ตลอดจนระบบชลประทานร่วมกันกับภาครัฐอีกด้วย