ยึด‘กัญชา’20ล้าน ลอบขนข้ามโขง แฉนายทุนสวมสิทธิ์ฝั่งลาว-ลอบปลูก 3 เมือง
12 เมษายน 2566 ที่ฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 2108 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (ร้อย ทพ.2108 ฉก.ทพ.21) บ้านปากห้วยม่วง หมู่ 2 ต.นาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม พ.อ.สุริวัชร์ อัครพรเดชพงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21 ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (ผบ.ทพ.21/ผบ.ฉก.ทพ.21 กกล.ฯ) มอบหมายให้ ร.ท.วันชาติ เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 2108 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 (ผบ.ร้อย ทพ.2108 ฉก.ทพ.21) ร่วมกับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) ศุลกากรจังหวัดนครพนม ตำรวจชุดสืบสวนปราบปรามยาเสพติด ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง แถลงการณ์ตรวจยึดกัญชาแห้ง จำนวน 4 กระสอบ ชั่งได้น้ำหนักรวม 80 กิโลกรัม ภายในกระสอบเป็นช่อดอกที่ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทมากที่สุด
สำหรับการตรวจยึดครั้งนี้ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ว่ามีการลักลอบนำเข้าสิ่งของผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายในห้วงเทศกาลสงกรานต์ พิกัดบริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขง บ้านดอนแพง หมู่ 7 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ร.ท.วันชาติ เหมือนปืน ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2108 ฉก.ทพ.21 จึงได้ร่วมกับชุดปฏิบัติการหน่วยงานความมั่นคง ลาดตระเวนและซุ่มเฝ้าตรวจจุดเสี่ยง
กระทั่งเวลาพลบค่ำของวันที่ 11 เมษายน 2566 ได้ตรวจพบเรือหาปลาประจำถิ่น (เรือกีบ) จำนวน 1 ลำ พายเข้ามาจอดบริเวณท่าน้ำ จากนั้นมีชายที่อยู่ในเรือ จำนวน 4 คน ได้ช่วยแบกสิ่งของต้องสงสัยลงจากเรือลำดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนขอตรวจสอบ ชายกลุ่มดังกล่าวตกใจต่างทิ้งสิ่งของที่แบกมา แล้ววิ่งหลบหนีไปกับความมืด ขณะที่คนขับเรือลำดังกล่าวก็สตาร์ทเครื่องยนต์ ขับกลับไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว หน่วยงานความมั่นคงจึงเข้าตรวจสอบกระสอบต้องสงสัย เบื้องต้นพบเป็นพืชกัญชาแห้งแบบช่อดอกอัดแน่นเต็มกระสอบ น้ำหนักประมาณ 80 กก. ซึ่งจากข้อมูลในโลกโซเซียล การซื้อขายเฉพาะช่อดอกในท้องตลาดกรัมละ 250 บาท 1 กิโลกรัมมี 1,000 กรัม เท่ากับกิโลกรัมละ 250,000 บาท การตรวจยึดครั้งนี้ได้ช่อดอกกัญชา 80 กิโลกรัม มีมูลค่ารวม 20 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ วันที่ 9 เมษายน 66 ทพ.2108 สามารถตรวจยึดช่อกัญชาจำนวน 100 กิโลกรัม บริเวณบ้านเนินคะนึง หมู่ 5 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม คาดว่าเป็นนายทุนคนเดียวกัน ที่สั่งกัญชาแห้งจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน หากลอดพ้นนำมาพักในเซฟเฮ้าส์ได้ ก็จะแบ่งบรรจุย่อยจำหน่ายให้นักพี้ เพื่อสันทนาการโดยตรง
ทั้งนี้ มีนายทุนใช้วิธีสวมสิทธิ์แปลงกัญชาฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเป็นสัญชาติไทย เนื่องจากมีช่องว่างเกี่ยวกับกัญชาเสรี ทำให้หน่วยงานความมั่นคงเอาผิดได้แค่การลักลอบนำเข้า ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร และ พ.ร.บ.กักพืช เท่านั้น หลังมีการเปิดกัญชาเสรีนายทุนไทยจึงสบโอกาส ว่าจ้างคนลาวส่วนใหญ่เป็นชาวม้ง ปลูกกัญชาใน 3 เมือง คือ เมืองคำเกิด เมืองเวียงทอง และเมืองไซจำพอน แขวงบอลิคำไซ เนื่องจากภูมิประเทศของ 3 เมืองดังกล่าว จัดเป็นเขตภูดอยติดพรมแดนลาว-เวียดนาม มีอากาศหนาวเย็น หลังเก็บผลผลิตก็ส่งข้ามแม่น้ำโขงผ่าน อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม
ในขณะเดียวกันกัญชายังเป็นยาเสพติดที่รัฐบาลลาว ถือเป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลสั่งดำเนินการปราบปรามมาโดยตลอด และไม่เคยมีนโยบายกัญชาเสรี ดังนั้นผู้ใดมีกัญชาไว้ครอบครองจะถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 และรัฐบาลลาวก็ไม่เคยมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนปลูกกัญชาอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี