วันที่ 16 เมษายน 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน เขียนบทความ ขบวนการ “อุ้มท้องซื้อสัญชาติ” เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก ดังนี้

จีนแต่ก่อนรุ่นปู่ย่าเป็น “จีนเก่า” ที่หนีสงคราม และความยากจนมาพึ่งประเทศไทยเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ในระยะ 30 ปีที่ผ่านมา มีการอพยพของ “จีนใหม่” ย้ายถิ่นฐานมาไทยเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลจีนไล่พวกจีนเทาๆ ดำๆ ออกนอกประเทศด้วยกฎหมายที่เข้มงวด จึงเกิดมหกรรมอพยพมายังประเทศเทาๆ อย่างประเทศไทย จุดหมายของจีนใหม่สีเทา จีนใหม่สีเทารวย รู้จักจ่ายเงินเทาๆ ต่อยอดทำให้ถือครองทรัพย์สินในไทยได้มากขึ้น 

ทุกอย่างในไทยมีราคาที่ต้องจ่ายทั้งสิ้น ต่อวีซ่าก็ต้องจ่าย อยู่สั้นอยู่ยาวก็จ่าย หรืออยากอยู่ถาวรต่อรายปีก็ต้องจ่าย อยากมี “บัตรชมพู” มีชื่อเข้าทะเบียนบ้าน ก็ต้องจ่าย ยิ่งหากจะทำธุรกิจนอกกฎหมาย ก็ยิ่งต้องจ่ายเพิ่ม เช่น เปิดบ่อน ค้ามนุษย์ ขู่กรรโชก ฟอกเงิน จ่ายครบเป็นอันจบ ไม่มีเรื่องไหนติดขัด พวกจีนเทาจับจุดราชการไทยได้ ไทยจีนสมานฉันท์ อยู่ไปจ่ายไป พี่ไทยเราทำให้ได้ทุกอย่าง จีนก็ใจถึง จีนจ่ายมากก็ต้องได้มาก หัวการค้าอยู่แล้ว “ตู้ห่าว” ที่นามกระฉ่อน ผมเอาคลิปมาเปิดให้คนไทยได้รู้จัก ให้เห็นว่า “อั๊วมีเงิน ซื้อได้ทุกอย่าง” ขณะนี้ใช้ชีวิตอยู่ในคุกต่อสู้คดี 

ล่าสุด จีนเทารายใหม่โผล่ นางโจวเหมย หรือ นวพร ที่เป็นข่าวคลิปตีอกชกตัวเองเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก็เป็นหญิงจีนที่มาอาศัยอยู่ไทยเมื่อ 30 ปีก่อน ใช้วิธีแปลงสัญชาติแต่งงานกับชายไทยพอเป็นพิธีแล้วทำเป็นเลิกรา ได้สัญชาติไทย เพราะจ้างผัวไทยแต่งงานด้วยเงินแค่หลักไม่กี่หมื่น อาศัยช่องว่าง “จ้างผัวไทย” ลูกออกมาเป็นสัญชาติไทยจากผัวไทยที่จ้างในนาม แต่จริงๆ เป็นลูกกับผัวคนจีน เชื้อจีนล้วน

วิธีการคือฝากท้องกับโรงพยาบาลไทย เอาผัวไทยรับจ้างมายืนยัน ไปแจ้งเกิดที่อำเภอก็ได้ลูกสัญชาติไทยแล้ว ทำกันเป็นล่ำเป็นสันเป็นขบวนการกลืนชาติ เมื่ออยู่นาน นางโจวเรียนรู้ระบบชำรุดของราชการไทย จึงตั้งตัวเป็น “เอเย่นต์” กฎระเบียบ ตม. นางโจวเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี จ่ายเงินเทาๆ เบิกทางได้ทุกอย่าง กว้านซื้อทรัพย์สิน ที่ดิน บ้านหลายหลังในย่านสีลม บางรัก มูลค่าหลายร้อยล้านจากการฟอกเงินของจีนเทา ใช้รูรั่วของระบบราชการไทยรับรองคนจีนมาอาศัยในบ้านให้เช่า พาไปลงทะเบียนที่เขต ให้คนจีนออกบัตรสีชมพู นี่ก็จ่าย

เลขบัตรนำหน้าเลข 8 ดูเผินๆ เหมือนบัตรประชาชนทุกประการ เอาไว้หลอกคนทำมาหากินได้ คนจีนเทาพักอาศัยอยู่มากในย่านบางรัก สีลม นราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อสัปดาห์ก่อนตำรวจตรวจพบว่า ชายหญิงจีนคู่หนึ่งที่พักอาศัยอยู่ในบ้านนางโจวมีลูกด้วยกัน 1 คน ตอนไปดูสูติบัตรเด็กพบว่าระบุ “สัญชาติไทย” มีแม่เป็นคนไทย อยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ตำรวจชักสงสัย นำเด็กไปตรวจดีเอ็นเอพบว่าดันตรงกันกับพ่อแม่จีนที่อยู่บ้านนางโจว กลายเป็นเด็กสวมสัญชาติไทยมาตั้งแต่เกิด ทั้งที่เป็นจีนแท้

นี่คือขบวนการ “อุ้มท้องซื้อสัญชาติ” ชาติจีนเขมือบชาติไทย โดยการจ้างอุ้มท้อง ด้วยจำนวนประชากรมหาศาลของจีนที่ถาโถมเข้าไทย เกิดขบวนการ “กลืนชาติไทย” ขึ้นอย่างเป็นระบบ ขณะที่คนไทยเองมีอัตราการเกิดต่ำลง พ่อแม่คนจีนบินออกไปฝากไข่กับน้ำอสุจิที่กัมพูชา หญิงไทยรับอุ้มท้องครั้งละ 100,000 บาท มีนางโจวคอยเป็นคนกลางจัดหาหญิงไทย ดำเนินการประสานงานให้ทุกอย่าง 

ทำการปฏิสนธินอกมดลูก แล้วฉีดเข้าไปในมดลูกของหญิงไทยที่อุ้มท้องรับจ้าง กลับข้ามฝั่งมาฝากท้องที่โรงพยาบาลไทยที่บ้านเกิด กรณีนี้ไปฝากท้องที่ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี พอเด็กคลอดออกมาก็แจ้งเกิดมีแม่ไทย ได้สัญชาติไทย กำพร้าพ่อ แล้วค่อยไปทำเรื่องขอใส่ชื่อพ่อทีหลัง เมื่อเด็กโตพอตรวจดีเอ็นเอได้ พ่อคนจีนเจ้าของน้ำเชื้อ ก็กลับมาแจ้งขอตรวจดีเอ็นเอเพื่อขอสิทธิ์ความเป็นพ่อ เด็กอายุ 7 ปี ก็ทำบัตรประชาชนได้ พ่อแม่จีนก็เอาไปซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน ถือครองทรัพย์สินแทน พออายุเกิน 12 ปี ก็เอาชื่อเด็กไปจัดตั้งบริษัทสัญชาติไทย ถือหุ้นใหญ่ 

ส่วนพ่อชาวจีนก็สามารถแจ้งขอต่อวีซ่าเพื่อเลี้ยงดูลูกได้ โดยต่อปีต่อปี ยาวไปจนกว่าเด็กจะบรรลุนิติภาวะ พอพ่อจีนอายุเกิน 50 ปี ขอแปลงเป็น “วีซ่าเกษียณอายุ” ได้อีก คราวนี้อยู่ไทยได้ทั้งชีวิตยันแก่ตาย มีทั้งหญิงไทยรับจ้างอุ้มท้องเป็นแม่ และชายไทยรับจ้างเป็นพ่อ ด้วยความโลภ ไม่คิดถึงชาติ คิดถึงแค่ปากท้องตัวเอง ในคลิป นางโจวแสดงลีลาตีอกชกตัวเอง ตีบทแตก เพราะโดนจับ แต่หลอกตำรวจไทยที่นั่งใจเย็นรู้ทันไม่ได้  

ขบวนการ “กลืนชาติไทย” ด้วยทุนชาติจีนที่คืบคลานเข้ามาทุกขณะ รออีกแค่ชั่วอายุคน ไทยแท้อาจน้อยกว่าจีนแท้ จะมีโรงเรียนจีน มหาวิทยาลัยจีน หมู่บ้านจีน บริษัทจีน นายทุนจีน และอะไรจีนๆ กันเต็มไปหมด ไทยถูกจีนกลืน เพราะความโลภของคนไทยด้วยกันแท้