มติอนุกรรมการค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ
เคาะลดค่าไฟ7สต.
ชงกกพ.พิจารณา/ทันรอบบิลพ.ค.
นายกฯห่วงปชช.เร่งหาทางช่วย
กกต.ชี้ชัดรบ.ของบอุ้มค่าไฟทำได้
หอการค้าแนะรัฐรีบลดค่าไฟทันที
คณะอนุกรรมการค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ มีมติเคาะลดค่าไฟ 7 สต.ชงบอร์ด กกพ.พิจารณา 24 เมษายนนี้ ยืนยันทันบิลพฤษภาคม นายกฯ เร่งหาแนวทางช่วยเหลือประชาชน ชวนยึดหลัก “ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน” ประธาน กกต.ระบุชัด นายกฯ ของบช่วยอุ้มค่าไฟทำได้ ยอมรับอาจถูกมองเอื้อประโยชน์รัฐ แต่มีหน้าที่ ไม่ทำไม่ได้
‘สมชัย’โดดขวาง ชี้กฎหมายระบุรัฐบาลรักษาการห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐที่มีผลต่อการเลือกตั้ง ขณะที่รองอธิบดีกรมการค้าภายในระบุ ค่าไฟฟ้าแพงกระทบต้นทุนผลิตของสินค้า หอการค้าฯ แนะรัฐบาลเร่งลดค่าไฟฟ้าทันที เพราะหากปล่อยยาวออกไปจะกระทบการฟื้นเศรษฐกิจไทย
เมื่อวันที่ 21 เมษายน แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) ได้เห็นชอบตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอขอรับภาระยืดหนี้การชำระค่าไฟฟ้า วงเงินประมาณ 1.3 แสนล้านบาท แทนประชาชนจาก 5 งวด หรือ 20 เดือน งวดละ 27,000 ล้านบาท เป็น 6 งวด หรือ 24 เดือน งวดละ 22,000 ล้านบาท ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยงวดที่ 2 ของปีนี้ (พฤษภาคม-สิงหาคม 2566) ลดลง 7 สตางค์ต่อหน่วย จากเดิม 4.77 บาทต่อหน่วย เป็น 4.70 บาทต่อหน่วย
โดยหลังจากนี้บอร์ด กกพ. จะพิจารณาวันที่ 24 เมษายน เพื่อมีมติเปิดรับฟังความเห็น 5-7 วัน และเสนอบอร์ดกกพ.พิจารณาเคาะราคาเพื่อประกาศใช้ต่อไป ทั้งนี้นตามขั้นตอนการพิจารณาของกกพ. จะทันบิลค่าไฟรอบเดือนพฤษภาคมแน่นอน เพราะบิลค่าไฟจะเริ่มออกตั้งแต่ 10 พฤษภาคมเป็นต้นไป
ยอดใช้ไฟสูงสุดครั้งที่6ในรอบปี
รายงานข่าวจาก กกพ. เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศร้อนจัด เกิดการใช้ไฟฟ้าผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อทำความเย็นโดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศมากขึ้น ทำให้เวลา 14.56 น. ของวันที่ 21 เม.ย. เกิดการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศ (พีก) ของ 3 การไฟฟ้า อยู่ที่ 33,384.7 เมกะวัตต์ ถือเป็นครั้งที่ 6 ในปีนี้ และเป็นการทำลายทุกสถิติตั้งแต่มีการเกิดพีกในประเทศไทยมา จากเดิมสูงสุด เป็นวันที่ 28 เม.ย. 65 เวลา 14.30 น. อยู่ที่ 33,177.3 เมกะวัตต์
นายกฯเร่งหาแนวทางช่วยเหลือปชช.
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์เรื่องค่าไฟฟ้าอย่างใกล้ชิด ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พยายามหาทางช่วยเหลืออยู่ เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน ให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ทั้งนี้ ตามที่ค่าไฟฟ้าของประชาชนในช่วงเดือนเม.ย.สูงขึ้น ซึ่งการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้ชี้แจงว่า เกิดจากเหตุอากาศที่ร้อนสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าเพิ่ม ไม่ได้เป็นการขึ้นค่าไฟฟ้า การคิดค่าไฟฟ้าในช่วงนี้ยังใช้หลักเกณฑ์วิธีการคิดค่าไฟฟ้าจากหน่วยการใช้ไฟฟ้าในอัตราตามที่นโยบายของ กกพ. กำหนด พร้อมกับมีข้อแนะนำการประหยัดไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน ด้วยการยึดหลัก “ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน” ได้แก่ปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ ปรับลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศมาอยู่ที่ระดับ 26-27 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ ให้ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน เปลี่ยนไปใช้เครื่องปรับอากาศที่มีค่าประสิทธิภาพสูง เป็นต้น
กกต.ชี้นายกฯของบช่วยอุ้มค่าไฟได้
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)กล่าวกรณีรัฐบาลเตรียมทำเรื่องถึง กกต.เพื่อขออนุมัติใช้งบประมาณช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาค่าไฟแพง ว่า หากเสนอมาก็ต้องนำเข้า กกต.ซึ่งจะมีเกณฑ์การพิจารณาอยู่ ยืนยันว่า ไม่เป็นปัญหาต่อ กกต.แต่อย่างใด เพราะเราต้องพิจารณาไปตามกฏเกณฑ์ที่กำหนดไว้
เมื่อถามว่าการพิจารณาของกกต.อาจถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ปลดล็อคให้รัฐบาล นายอิทธิพร กล่าวว่า อาจจะถูกมองเช่นนั้นได้ แต่ในพิจารณา ถ้าเราเห็นว่ามันเป็นการทำที่ถูกต้อง เราก็อนุมัติไป และเราก็ต้องรับผลกระทบไป เพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา แต่ถ้าเราเห็นว่าไม่ใช่ เราก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ ไม่ได้ แค่นั้นเอง
“เรายืนอยู่ตรงกลางอยู่แล้ว ผลสุดท้ายถึงเวลาจริง เขาก็ต้องให้เราทำ ซึ่งไม่คิดว่ากกต.ถูกยืมมือเป็นเครื่องมือใคร แต่กกต.คิดว่าเป็นเรื่องบทบาทหน้าที่ของเราที่ต้องทำ และการตัดสินของเรามีทั้งถูก ทั้งผิด มีทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ซึ่งผลจะออกมาเป็นอย่างไร เมื่อเราตัดสินแล้วก็ต้องรับผิดชอบและเราไม่ตัดสินก็ไม่ได้ แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าถ้ามีเหตุผลดีและสนับสนุนคำขอก็ต้องตัดสินว่าให้อนุญาต และเราก็รับผลไปเมื่อมีผู้ไม่เห็นด้วย แต่หากเราเห็นว่าไม่ควรทำเรื่องนี้ ในเวลานี้เราก็บอกรัฐบาลว่าไม่ได้” นายอิทธิพร กล่าว
เมื่อถามต่อว่า มีผู้มองว่าเรื่องนี้ควรเป็นการพิจารณาของรัฐบาลหน้า นายอิทธิพร กล่าวว่า หากเสนอเรื่องมาที่ กกต. เราก็ต้องพิจารณาไป จะไปหลบใต้โต๊ะ บอกว่าไม่พิจารณาก็ไม่ได้
‘แสวง’ระบุพร้อมพิจารณาได้ทันที
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า หากนายกรัฐมนตรีส่งเรื่องมาพร้อมกับรายละเอียด ขอเงินงบประมาณที่จะใช้มาก็สามารถดำเนินการเสนอเรื่องดังกล่าวเพื่อให้ กกต.ประชุมต่อได้ทันที และเห็นว่าไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากว่ากฎหมายในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 169 ได้ระบุไว้ชัดเจน ถึงการขอใช้งบประมาณกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จะต้องขอความเห็นชอบที่จะอนุมัติการใช้งบประมาณดังกล่าวในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่แล้ว และเห็นว่าเรื่องดังกล่าวจะใช้เวลาพิจารณาไม่นาน เนื่องจาก กกต.มีกำหนดประชุมร่วมกันสัปดาห์ละ 3 วันอยู่แล้ว
ด้าน พ.ต.ต.ณัฐวัตน์ เสงี่ยมศักดิ์ รองเลขาธิการฯ ด้านกิจการพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์เรื่องการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าจะต้องขออนุมัติจาก กกต. เนื่องจากเป็นการใช้งบประมาณในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย หากเรื่องใดที่คณะรัฐมนตรีช่วงรักษาการณ์ อนุมัติเกี่ยวกับเรื่องเงิน ก็ต้องผ่านความเห็นชอบจาก กกต. ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนและ กกต.ก็จะพิจารณา ไม่มีอะไรซับซ้อน
‘สมชัย’ขวางกกต.ให้รบ.ใช้งบกลาง
ด้าน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีต กกต. ได้โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว ในกรณีที่มีข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะขอ กกต.ใช้งบประมาณในการแก้ไขปัญฟาไฟฟ้าราคาแพงว่า ตามมามาตรา 169 (3) ของรัฐธรรมนูญ ครม.รักษาการจะใช้งบกลางกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นไม่ได้ เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจาก กกต. การที่นายกฯแย้มว่าจะขอมติ ครม. เพื่อลดค่าไฟแก่ประชาชน และเลขา กกต.ก็ออกมาเด้งรับว่า เสนอมาเลย กกต.อนุมัติได้เร็วมาก เพราะประชุมกันสัปดาห์ละ 3 วันอยู่แล้ว ในเรื่องนี้ต้องอ่าน มาตรา 169 (4) ด้วยว่ารัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถใช้ทรัพยากรของรัฐกระทำการใดที่มีผลต่อการเลือกตั้ง ซึ่งงบฯกลาง คือ ทรัพยากรของรัฐ อนุมัติช่วงนี้มีผลต่อการเลือกตั้ง กกต.กล้าอนุมัติก็ต้องกล้าติดคุกด้วย ทางออกเสนอมาหลัง 14 พฤษภาคม พ้นเลือกตั้งไปแล้วไม่มีความผิด
กรมการค้าภายในติดตามใกล้ชิด
ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวา ได้ติดตามสถานการณ์ราคาค่าไฟฟ้า แม้จะไม่ใช่หน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง แต่ได้ติดตามใกล้ชิด เพราะค่าไฟฟ้า ถือเป็นต้นทุนส่วนหนึ่งของสินค้า ใน 2 ส่วน คือต้นทุนการผลิต เช่น ใช้ในการเดินเครื่องจักร อีกส่วนคือใช้ในการบริหารจัดการ หรือ ต้นทุนการขายต่างๆ ซึ่งแต่ละสินค้า จะมีสัดส่วนจากต้นทุนค่าไฟแตกต่างกันไปในแต่ละประเภทสินค้า แต่ถือว่าน้อยมาก เพราะบางสินค้า ก็ไม่มีต้นทุนจากไฟฟ้าเลย
ทั้งนี้ การจะขอปรับขึ้นราคาสินค้า จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งราคาพลังงานโดยรวมไม่เฉพาะค่าไฟฟ้าเท่านั้น ยังมีค่าน้ำมัน หรือ ค่าแก๊ส และอีกหลายปัจจัย โดยเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งแตกต่างกับไปแต่ละสินค้า รวมไปถึงค่าจ้างแรงงาน ที่จะต้องนำมาพิจารณา และจะต้องพิจารณาเป็นรายสินค้าไป ซึ่งในส่วนของค่าไฟ จากการข้อมูลในช่วงเดือนมกราคม ถึง เมษายน ค่า FT เฉลี่ยอยู่ที่ 5 บาทกว่าต่อหน่วย ส่วนในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค. มีการปรับลด เหลือ 4.77 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะบรรเทาต้นทุนผู้ประกอบการ และช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนได้ส่วนหนึ่ง
ผู้ประกอบการยังไม่ขอขึ้นราคาสินค้า
ขณะนี้ มีผู้ผลิตสินค้า ยื่นขอปรับราคา มายังกรมการค้าภายใน จำนวนไม่มากนัก เนื่องจากผู้ประการให้ความร่วมมือตรึงราคาสินค้า รวมทั้งอีกส่วนหนึ่งตั้งใจไม่ปรับราคา เพราะกังวลว่าอาจจะกระทบกับยอดขาย โดยส่วนใหญ่เป็นการยื่นขอตั้งราคาสินค้า ที่ทำผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา เช่น ปรับเปลี่ยนรถชาติ ซึ่งก็ยังคงให้ราคาเดิมตามผลิตภัณฑ์เดิมเป็นต้น
หอการค้าฯแนะรัฐลดค่าไฟฟ้าทันที
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่า วันนี้ค่าไฟฟ้าที่แพงเป็นปัญหาของทุกคนในประเทศ หอการค้าฯ ร่วมกับ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้พยายามสื่อสารกับรัฐบาลถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องลดค่าไฟฟ้าลงในช่วงนี้ เพื่อให้ไม่เป็นปัญหาซ้ำเติมกับทุกภาคส่วนที่กำลังฟื้นตัวจากวิกฤตในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา วันนี้เห็นทิศทางที่ดีที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ยังติดล็อคกับปัญหาไฟฟ้าที่ทำให้ภาคธุรกิจไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจท่องเที่ยวในกลุ่มของโรงแรมที่พัก ธุรกิจค้าปลีกอย่างห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศ กำลังเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจาก
ค่าไฟฟ้าที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับช่วงนี้อากาศของไทยร้อนจัดหลายพื้นที่มีอุณหภูมิสูง ประชาชนเปิดเครื่องปรับอากาศและพัดลมช่วยคลายความร้อนจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับค่าไฟฟ้าของไทยเป็นอัตราก้าวหน้าคือยิ่งใช้มากก็ต้องยิ่งจ่ายแพงมากขึ้นปัญหานี้ หอการค้าฯ และ กกร. ให้ความสำคัญมากและได้เคยมีหนังสือไปยังรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องในการพิจารณาแนวทางการปรับค่าไฟฟ้าให้ลดลง
ชี้หากปล่อยยาวกระทบฟื้น ศก.ไทย
นายสนั่น กล่าวว่า ทราบว่าปัจจุบันค่าไฟฟ้าในงวดที่ 2 (1 พฤษภาคม-31 สิงหาคม 2566) คณะกกพ. มีมติเห็นชอบให้ลดลงจาก 4.77 บาทต่อหน่วย เหลือ 4.70 บาทต่อหน่วย ถึงจะไม่ใช่ตัวเลขที่มากนักแต่เป็นแนวโน้มที่ดีต่อภาคเอกชนและประชาชน และแม้จะอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการก่อนการเลือกตั้ง แต่ภาคเอกชนอยากเห็นรัฐบาลกล้าตัดสินใจลดค่าไฟฟ้าทันที โดยไม่ได้มองว่าเป็นประเด็นที่จะใช้หาเสียงในช่วงเลือกตั้งหรือไม่ เพราะตอนนี้ถือเป็นปัญหาที่ทุกภาคส่วนเห็นตรงกันทั่วประเทศ และหากปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อไปจนถึงรัฐบาลชุดใหม่คงจะกระทบต่อภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศอย่างมหาศาล
ดังนั้น หากเร่งจัดตั้ง กรอ.พลังงาน พิจารณาปรึกษาหารือระหว่างรัฐบาล ภาคเอกชน และตัวแทนภาคประชาชน โดยทุกฝ่ายร่วมกันพิจารณาโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศร่วมกันใหม่ ก่อนสรุปเป็นตัวเลขในการลดค่าไฟฟ้า ชี้แจงรายละเอียดและความจำเป็นให้ทุกคนได้รับทราบ เชื่อว่าทุกภาคส่วนจะยอมรับและช่วยบรรเทาความเดือนร้อนที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ต่อไปได้ ขณะเดียวกันก็คงต้องเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลชุดถัดไปที่จะต้องสะสางปัญหาโครงสร้างค่าไฟฟ้าทั้งระบบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเช่นนี้ โดยเฉพาะความสามารถของผู้ประกอบการไทยที่ยังแข่งขันไม่ได้จากต้นทุนด้านพลังงานที่สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี