“ประปานครหลวง-ประปาส่วนภูมิภาค”เล็งปรับขึ้นค่าน้ำ หลังผลกระทบค่าไฟทำต้นทุนเพิ่มอีก 20-30% กปน.แจงให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตในปัจจุบันหลังตรึงนานกว่า 23 ปี ส่วน กปภ.แจงไม่ได้ขึ้นกว่า 10 ปี กำลังศึกษาโครงสร้างค่าน้ำใหม่ อีก 2 เดือน แล้วเสร็จ เสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณา ด้านมติ กกพ.เคาะค่าไฟฟ้าใหม่ พ.ค.-ส.ค.66 ที่4.70 บาท/หน่วย เริ่มรอบบิลเดือน พ.ค.
เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 นายมานิต ปานเอม ผู้ว่าการการประปานครหลวง(กปน.)เปิดเผยว่า ปัจจุบันกปน.ได้รับผลกระทบจากต้นทุนหลักการผลิตน้ำประปาเพิ่มขึ้นทุกอย่าง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมาก ประกอบ4 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.ค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรัฐบาลเรียกเก็บที่ราชพัสดุ กปน.ต้องเสีย150ล้านบาทต่อปี จากเดิมไม่ต้องเสีย 2.ค่าน้ำดิบจ่ายให้กับกรมชลประทานวันละ 3 ล้านบาท 3.ค่าไฟที่เพิ่มขึ้น 20-30%หรือประมาณ 20 ล้านบาทต่อเดือน จากค่าเอฟทีของรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ปรับขึ้นกว่า 90 สตางค์ 4.ค่าธรรมเนียม การวางท่อเป็น100ล้านบาทต่อปี
“โดยที่ผ่านมา แม้ต้นทุนจะสูงขึ้นแต่ กปน.ได้พยายามตรึงค่าน้ำไว้ให้นานที่สุดตามนโยบายของรัฐบาล ยังไม่ต้องการให้ขึ้นค่าน้ำโดยพยายามบริหารจัดการต้นทุนทุกด้านให้เกิดประโยชน์สูงสุดเช่นการใช้ไฟฟ้าโดยจ่ายน้ำตามความต้องการใช้เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันกำลังพิจารณาอัตราค่าน้ำให้สอดรับต้นทุนเพิ่มขึ้น หลังไม่ได้ขึ้นค่าน้ำมา 23ปีเพื่อบริหารสภาพคล่องด้านการเงิน เพราะใช้เงินลงทุนไป 42,000 ล้านบาท เพื่อขยายการผลิตในโครงการ 9”ผู้ว่า กปน.ย้ำ
ด้านนายมงคล วัลยะเสวี รองผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.)กล่าวว่าตอนนี้กปภ.อยู่ระหว่างศึกษาโครงสร้างค่าน้ำใหม่ ตามต้นทุนเพิ่มขึ้น 15-20% ทั้งจากค่าไฟ ค่าสารเคมี เพื่อขอขึ้นค่าน้ำ หลังจากที่ไม่ได้ปรับขึ้นมากว่า 10 ปี อีก 2 เดือนจะแล้วเสร็จ จากนั้น เสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาว่าจะให้ปรับขึ้นหรือไม่ หรือจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป การปรับขึ้นค่าน้ำ ได้เคยขอกระทรวงมหาดไทยแล้วแต่ไม่ได้รับอนุมัติ และขอให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายแทน จากภาระค่าไฟฟ้าสูงขึ้นและค่าเอฟที ยังอยู่ในอัตราสูง ส่งผลต่อธุรกิจทุกภาคส่วน บางส่วนได้ปรับตัวรับสถานการณ์ พร้อมกับมีข้อเสนอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้โอกาสนี้แก้ไขระยะสั้นและปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำในอนาคต
วันเดียวกัน นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ.มีมติปรับลดค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บกับประชาชนงวดใหม่ สำหรับเดือน พฤษภาคม-สิงหาคม 2566 ลง 7 สตางค์/หน่วย จากมติเดิม 4.77 บาท/หน่วย เป็น 4.70 บาท/หน่วย ซึ่งถือเป็นการลดลง 2 สตางค์/หน่วย จากงวดปัจจุบันสำหรับเดือนม.ค.-เม.ย.2566 อยู่ที่ 4.72 บาท/หน่วย ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)เสนอ ทั้งนี้ไม่ต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นอีกครั้ง เนื่องจากสมมติฐานที่ใช้ในการคำนวณสูตรค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที)ไม่เปลี่ยนไปจากการพิจารณาก่อนหน้านี้ ที่ กกพ.ได้เปิดให้สาธารณะชนแสดงความคิดเห็นไปแล้วซึ่งขั้นตอนต่อไปกกพ.จะทำหนังสือแจ้งไปยัง 3 การไฟฟ้าเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและจะทันงวดบิลเดือนพฤษภาคม2566แน่นอน
นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ในฐานะโฆษกกฟผ.กล่าวว่ากฟผ.เสนอเงื่อนไข ขอรับภาระยืดหนี้การชำระค่าไฟฟ้าวงเงินประมาณ 1.3แสนล้านบาท ที่รับภาระแทนประชาชนไปก่อนจาก 2 ปี แบ่งเป็น 7 งวด เป็นเวลา 2 ปี 4 เดือนคาดว่าจะครบกำหนดชำระประมาณเดือนสิงหาคม2568
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี