เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 25 เม.ย.66 พ.ต.ท.จิตรกร คงเหลือ สว.(สอบสวน) สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกแทงมาเสียชีวิตที่ รพ.ท่าศาลา ขอให้ออกไปสอบสวนและชันสูตรพลิกศพด้วย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ต่อศักดิ์   สารีรัตน์ ผกก.,พ.ต.ท.นรากร   เอียดช่วย รอง ผกก.ป.,พ.ต.ท.เกษมสิทธิ์  จำปาทอง รอง ผกก.(สอบสวน),พ.ต.ต.ยิ้มเอก  หมิดสะแหล้ สวป.,แพทย์เวร รพ.ท่าศาลา และตำรวจชุดสืบสวนไปทำการชันสูตรพลิกศพทราบผู้เสียชีวิตชื่อนายธนากรณ์   แก้วขาว อายุ 28 ปี บ้านอยู่ หมู่ 1 ต.ไทยบุรี อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพมีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดปลายแหลมเข้าอกซ้าย 1แผล

จากการสอบสวนทราบว่า นายธนากรณ์ ถูกแทงมาจากที่เกิดเหตุบนถนนในซอยบ้านคลองนุ้ย หน้าบ้านเลขที่ 103 หมู่ 1 ต.ไทยบุรี อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช โดยเจ้าหน้าที่สอบสวนทราบว่า คนร้ายรายนี้คือนายอานนท์ ศรีจันทร์ อายุ 27 ปี เป็นเพื่อนผู้ตายนั่นเอง จึงนำกำลังไปจับกุมตัวนายอานนท์ ได้ขณะเดินอยู่บนถนนในซอย ห่างที่เกิดเหตุไม่มากนัก โดยจับกุมตัวนายอานนท์ ได้พร้อมของกลางอาวุธมีดปลายแหลมยาว 24 ซม. 1เล่ม และอาวุธปืนพกสั้น ชนิดกึ่งออโตเมติก ขนาด 9 มม.ยี่ห้อเมาเซอร์ หมายเลขทะเบียน ตร 7808 หมายเลขประจำตัวปืน 90011242 จำนวน 1 กระบอก และที่เกิดเหตุพบซองหนัง 1 ซอง และแมกกาซีนกระสูนจำนวนหนึ่งตกอยู่ในที่เกิดเหตุ และตรวจฉี่นายอานนท์ พบมีสีม่วงอีกด้วย 

จากการสอบสวนปากคำนายอานนท์ ผู้ต้องหาเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ช่วงดึกเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 25 25 เม.ย.ขณะที่นายอานนท์ แต่งกายสวมรองเท้าบูช และคาดไฟฉายที่ศีรษะพร้อมฉมวกเพื่อจะไปจับปลาในหมู่บ้าน แต่ขณะเดินผ่านหน้าบ้านเลขที่ 103 หมู่ 1 ต.ไทยบุรี อ.ท่าศาลา ของนายธนากรณ์ ผู้ตาย พบกับนายธนากรณ์ ยืนอยู่หน้าบ้าน ทั้งคู่แม้ว่าจะเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนหนังสือห้องเดียวกัน แต่ระยะหลังทั้งคู่มีความขัดแย้งโกรธแค้นเรื่องส่วนตัวบางเรื่องกันอย่างรุนแรง

โดยอานนท์ ให้การอ้างว่า ขณะเดินผ่านหน้าบ้านนายธนากรณ์ ผู้ตาย ปรากฏว่านายธนากรณ์ ผู้ตาย ได้ใช้อาวุธปืนยิงขู่ 1 นัด แต่ไม่ถูกตน ตนจึงปรี่เข้าแย่งปืนจากมือนายธนากรณ์ จนเกิดการกอดรัดฟักเหวี่ยง และปืนลั่นอีก 1 นัด แต่ไม่ถูกใคร ก่อนที่ตนจะแย่งปืนมาได้แล้วชักอาวุธมีดปลายแหลมที่พกมาจ้วงแทงหน้าอกข้างซ้ายนายธนากรณ์ จำนวน 1 ครั้ง จนนายธนากรณ์ ล้มฟุบลง แล้วตนหลบหนีไปพร้อมอาวุธปืนที่แย่งมาได้ และถูกตำรวจจับกุมในเวลาต่อมา

จากการสอบสวนนายอานนท์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงคุมตัวดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนอันสมควร พาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนอันสมควร เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 26 เม.ย. 66 ตำรวจ สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช คุมตัวนายอานนท์ ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านผู้เสียชีวิตและใกล้สถานที่จัดงานศพนายธนากรณ์ ผู้เสียชีวิต ท่ามกลางญาติๆและเพื่อนผู้เสียชีวิตมามุงดูการทำแผนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องใช้กำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 10 นาย ดูแลความสงบ ป้องกันการถูกรุมประชาทัณฑ์

โดยเจ้าหน้าที่นำตัวนายอานนท์ ผู้ต้องหา ทำแผนประกอบคำรับสารภาพเริ่มจากจุดที่นายอานนท์ เดินผ่านหน้าบ้านผู้ตาย แล้วเจอกับนายธนากรณ์ ซึ่งเป็นคู่อริกันมาก่อน เพราะผู้ตาย เคยใช้อาวุธปืนตีหัวนายอานนท์ ได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ได้เคลียร์ค่าเสียหายจบไปแล้วเมือปีที่แล้ว เมื่อทั้งคู่เจอกันนายธนากรณ์ ผู้ตาย ตะโกนด่าบุพการีของตนก่อน (ด่าแม่) จากนั้นนายธนากรณ์ ผู้ตาย ยังถืออาวุธปืนออกมายิงขู่ 1 นัด แต่ไม่โดน นายอานนท์ จึงวิ่งเข้าไปหานายธนากรณ์ ผู้ตาย แล้วแย่งปืนจากมือนายธนากรณ์ จนเกิดปืนลั่นอีก 1 นัด แต่กระสุนไม่ถูกใคร แล้วนายอานนท์ แย่งปืนจากมือนายธนากรณ์ ได้ แต่แม๊กกาซีนหลุดลงพื้น จากนั้นนายอานนท์ จึงใช้อาวุธมีดปลายแหลมจ้วงแทงหน้าอกซ้ายไปจำนวน 2 ครั้ง แล้วนายธนากรณ์ ผุ้ตาย วิ่งไปล้มฟุบจมกองเลือด แล้วญาตินำนายอานนท์ ส่งโรงพยาบาลท่าศาลา และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนตนถืออาวุธปืนและอาวุธมีดหลบหนี แล้วถูกตำรวจจับกุมดังกล่าว หลังเจ้าหน้าที่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จ จึงคุมตัวนายอานนท์ ผู้ต้องหา กลับโรงพัก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่พ่อของผู้เสียชีวิต กล่าวยอมรับว่าลูกชายของตนเคยมีเรื่องทะเลาะกับคนก่อเหตุ แต่เรื่องนานมาแล้ว ที่สำคัญเคยเคลียร์กันแล้ว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ไม่มีคนเห็น คนก่อเหตุจะให้การยังไงก็ได้ ส่วนตัวไม่เชื่อคำให้การ เพราะเป็นคำกล่าวอ้างหวังให้ตนเองพ้นผิด จึงขอให้ตำรวจดำเนินคดีคนก่อเหตุให้ถึงที่สุด-001