ศูนย์จีโนมฯ รพ.รามาฯรายงานผลการติดตามสถานการณ์โควิด-19 พบโอมิครอนสายพันธุ์ใหม่ล่าสุด “XBB.2.3” ซึ่งกำลังระบาดแพร่เร็วในอินเดีย-สิงคโปร์ คาดจะมาแทนที่โอมิครอน XBB .1.16 ในไม่ช้า โดยในไทยพบติดเชื้อแล้ว 6 ราย โดยอาการเบื้องต้นของโอมิครอน XBB.2.3 ประเมินว่าไม่แตกต่างจากโอมิครอนสายพันธุ์อื่น
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดเผยข้อมูลการติดตามสถานการณ์โควิด-19 และสายพันธุ์ใหม่ที่มีแนวโน้มระบาด พบว่า ล่าสุดเชื้อโควิด-19 โอมิครอนลูกผสม XBB.2.3 หรือมีอีกชื่อเรียกว่า อะครักซ์ (Acrux) กำลังจะเข้ามาแทนที่โอมิครอน XBB.1.16 หรือ อาร์คทูรัส (Arcturus) ในอีกไม่นาน โดย สายพันธุ์ XBB.2.3 (อะครักซ์) จะควบคู่ไปกับ XBB.1.5 หรือ คราเคน (Kraken) XBB.1.9.1 หรือ ไฮเปอเรียน (Hyperion) และ XBB.1.16 หรือ อาร์คทูรัส (Arcturus)
ศูนย์จีโนมฯระบุว่า โอมิครอนลูกผสม XBB.2.3 พบระบาดอย่างรวดเร็วในประเทศอินเดีย และประเทศสิงคโปร์ คาดว่าจะมาแทนที่โอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 และสมาชิกในตระกูล XBB ที่หมุนเวียนอยู่ในประเทศอินเดียและประเทศสิงคโปร์เร็วๆ นี้ สำหรับในสหรัฐฯเริ่มพบการระบาดของโอมิครอน XBB.2.3 เช่นกัน ส่วนในประเทศไทยเพิ่งพบเพียง 6 ราย
ทั้งนี้ โอมิครอนลูกผสม XBB.2.3 นั้น เป็นการกลายพันธุ์ที่ส่วนหนาม S:T478K ที่เหมือนกับสายพันธุ์ เดลตาในอดีต ที่ช่วยให้หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันของมนุษย์ได้ดี รวมถึงการกลายพันธุ์ที่ไม่ใช่ส่วนหนาม คือ “ORF7a:A13V” พร้อมกับการขาดหายไปในส่วนของ “Orf9” เช่นเดียวกับโอมิครอนลูกผสม XBB.1.16
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลรหัสพันธุกรรมของโควิด จากฐานข้อมูลโควิดโลก หรือ จีเสด (GISAID) พบทั่วโลกประมาณ 2,264 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในอินเดีย 664 ราย สิงคโปร์ 364 ราย และของไทย 6 ราย ซึ่งในภูมิภาคอาเซียนพบการระบาดโอมิครอน XBB.2.3 มากที่สุดในสิงคโปร์ ส่วนอาการทางคลินิกเบื้องต้นของโอมิครอน XBB.2.3 ประเมินว่าไม่แตกต่างจากโอมิครอนสายพันธุ์อื่น