วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 รายการโหนกระแส ยังคงคุยกันต่อเป็นตอนที่ 5 กรณี แอม ไซยาไนด์ หญิงสาวผู้ต้องหาคดีวางยาฆ่า ก้อย เพื่อนสนิทที่ไปปล่อยปลาด้วยกัน นำไปสู่การสืบสวนเจอเหยื่ออีกจำนวนมาก ที่การเสียชีวิตมีความเชื่อมโยงใกล้เคียงกัน โดยวันนี้ยังคงพูดคุยกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตอีกหลายราย
รุ้งแฟนของ กบ หนุ่มที่เสียชีวิตอีกหนึ่งรายเล่าในรายการว่า แฟนของตนออกจากบ้านไปซื้อหมูมาขาย เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565 แล้วบอกว่าไปแวะทานข้าวกับเพื่อน กลับมาแล้วมีอาการป่วย ท้องเสีย บ่นว่าร้อนอยู่ข้างใน ดื่มน้ำเปล่าหมดไปเป็น 20 ขวด สุดท้ายเขาบ่นว่าไม่ไหวแล้ว ต้องพาเขาไปส่ง รพ. กลางดึกวันที่ 23 ม.ค. 65 พอถึง รพ. คุยกับหมอได้แค่ 2 คำ ก็เสียชีวิตเลย
สภาพศพของกบ ตัวช้ำ คล้ำ มือ เล็บ กลายเป็นสีม่วง จนทำให้ตนค้างคาใจ หมอบอกว่าเป็นการติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ตนยังเชื่อว่าเป็นการวางยามากกว่า มารู้ภายหลังว่า ที่กบบอกว่าไปกินข้าวกับเพื่อน น่าจะเป็น แอม เพราะตนไปเค้นความจริงจาก เพชร เพื่อนสนิทอีกคนของกบ ทำให้ทราบว่า กบกับแอมน่าจะแอบคบหน้าเป็นกิ๊กกัน
คุณรุ้งบอกอีกว่า กบไม่มีปัญชีธนาคาร เขาจะเก็บเงินสดเท่านั้น และมักเก็บไว้กับตัว เก็บไว้ในรถ แต่พอกบเสียชีวิตไป เงินหายไปหมด คาดเดาว่าอาจจะเป็นเงินมากถึง 2-3 แสนบาท
หลังจากกบเสียชีวิตไปได้ประมาณ 3 เดือน ตนก็ได้รู้จักกับ นายแด้ (อดีตสามีของแอมที่เสียชีวิต) แด้เข้ามาคบหา อยู่กินกับตน ซึ่งระหว่างที่อยู่ด้วยกัน เขาก็ตบตีทำร้ายร่างกายตน จนทนไม่ไหวและต้องเลิกกันไป มารู้หลังจากนั้นว่า เขาเสียชีวิตหลังจากเลิกกับตน
รุ้งบอกว่า ไม่รู้จริงๆ ว่ามันเป็นความบังเอิญ หรือเป็นการวางแผนอะไรอย่างไร แต่สำหรับคนชื่อแอมนั้น รุ้งไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
ขณะที่ป้าเต่า เล่าว่า รู้จักกับแอมผ่านทางพี่สาว เหมือนตอนแรกจะมาขอยืมเงินไปทำธุรกรรมเรื่องเอารถไปจดจำนอง แต่ตอนนั้นไม่ได้ยืมอะไรกัน แต่เขาก็ยังมาพูดคุยตีสนิท ชวนมาทำหวยใต้ดินด้วยกัน โดยมีคนชื่อเหว่า เป็นตัวแทน กับ เค ที่เป็นนายหน้ารายใหญ่ เข้ามาเกี่ยวข้อง มีการโน้มน้าวตนว่า ถ้าทำยอดให้เขาได้เยอะในแต่ละงวด จะได้ทั้งทอง ได้ทั้งค่าคอมมิชชัน
เรื่องมามีปัญหาตอนที่ มีคนมาซื้อหวยกับตน ถูกหวย 3 ตัวตรง รวมทั้งหมด 4 คน เป็นยอดเงิน 8.9 ล้านบาท พอเครู้ว่ามีคนถูกหวย เขาก็กดออกจากกลุ่มไลน์ทันที แล้วเคก็ทำสลิปปลอมขึ้นมา อ้างว่าโอนเงินให้ป้าเต่าไปแล้ว ให้ไปเคลียร์กับป้าเต่าเอาเอง ทำให้ป้าต้องมาแบกรับหนี้ 8.9 ล้านอันนี้
ป้าเต่าไปตามหานายเคจากแอม ว่าจะติดต่อกับนายเคทางไหนได้บ้าง แอมก็แบ่งรับแบ่งสู้ว่าจะติดตามให้ แต่ก็บอกว่าเหว่าปิดเครื่องหนีหายไป และเหว่าก็ติดเงินของแอมอยู่เหมือนกัน ทำให้วงแชร์ของแอมล้ม
ป้าเต่ายังบอกอีกว่า หลังจากพยายามทวงอยู่พักใหญ่ แอมบอกว่า แอมจะนัดเจอหน้าป้าเต่า จะติดต่อเจ้ามือหวยรายใหม่ให้ เพื่อให้ป้าเต่ารับแทงหวยหาเงินมาใช้หนี้ บอกว่าต้องเจอหน้ากัน เพื่อจะได้รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร แล้วยังชวนป้าเต่าไปอาศรมฤาษี เหมือนที่แอมชวนเหยื่อรายอื่นๆ ไปด้วย แต่ป้าเต่าบอกว่าไม่ว่าง เลยไม่ได้ไปพบ ซึ่งถ้าวันนั้นยอมไปเจอแอม ก็คิดว่าตัวเองคงจะตายไปแล้วเหมือนกัน
แต่จากการตรวจสอบของมูลนิธิวิน วิน ที่ไปตามตรวจสอบย้อนหลัง จากหลักฐานการโอนเงินต่างๆ พบว่า ในสลิปโอนเงินที่ลูกมือหวยทุกคนโอนเงินไป เป็นชื่อ “นายสุทธิศักดิ์” ที่ทุกคนเข้าใจว่าคือ นายเค เจ้ามือหัว แท้จริงคือ นายแด้ สามีของแอมที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้เชื่อว่า นายเคที่ว่านี้ไม่มีตัวตนจริง และคนชื่อเหว่าก็อาจจะไม่มีตัวตนจริง อาจจะเป็นตัวแอมเองที่คุยไลน์กับคนที่แทงหวย เพราะทุกคนล้วนไม่เคยมีใครเคยเห็นหน้าเคหรือเหว่าตัวจริง
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม มองว่า แด้ และแอม น่าจะมีส่วนรู้เห็นในเรื่องทั้งหมด แต่ตนยังเชื่อว่า แด้ น่าจะถูกหลอกใช้มากกว่า พอได้ผลประโยชน์มากจนพอใจ แอม จึงฆ่าแด้ปิดปาก ซึ่งในเรื่องนี้ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าผู้หญิงที่ชื่อแอม มีการวางแผนทุกอย่างอย่างแยบคาย และทำอย่างเป็นระบบมากจริงๆ
ขณะที่ คุณจอย เพื่อนสนิทกับคุณทราย สาวที่เสียชีวิตที่กลับมาจากเมืองนอก แล้วแอมเป็นคนไปรับ ก่อนจะเสียชีวิตในวันนั้น เล่าว่าสาเหตุที่ตนต้องมาออกรายการในวันนี้ และต้องพูดข้อเท็จจริง เพราะตลอดเวลา 7-8 ปีที่ผ่านมา คุณปีเตอร์ สามีของคุณทราย เชื่อมาตลอดว่า ครอบครัวของคุณทรายมีส่วนกับการตายของภรรยาของเขา ทำให้เขาไม่อยากมายุ่งเกี่ยวอะไรกับครอบครัวของภรรยาอีก ซึ่งคุณจอย พอมารู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแอมเมื่อวันสองวันมานี้ จึงเข้าใจทุกอย่างและต้องออกมาพูด ว่าคนร้ายที่แท้จริงคือใครกันแน่
ขณะที่คุณบี คนที่ซื้อตึกของคุณทรายไปจากแอม โฟนอินเข้ามาเล่าข้อเท็จจริงว่า ตอนแรกสุด แอมมาเช่าบ้านอยู่ใกล้กับตึกของคุณทราย ส่วนตนอยู่ในคูหาข้างๆ เป็นเพื่อนบ้านของคุณทราย รู้ว่าเขาอยู่ต่างประเทศ เวลากลับมาไทยก็จะมาพูดคุยสารทุกข์สุขดิบกัน พอแอมเห็นคุณทรายก็เลยเข้ามาพูดคุยตีสนิทด้วย มารู้อีกทีก็คือเขาสนิทสนมไว้ใจกันมากๆแล้ว ถึงขั้นที่คุณทรายฝากกุญแจตึกไว้ให้คุณแอมดูแล
ต่อมามาทราบว่า คุณทรายเสียชีวิต ตอนนั้นตนช็อกมาก แอมยังถามว่าตนสนใจจะซื้อตึกไหม เพราะสามีฝรั่งของคุณทรายอยากจะขายเอาเงินสด มาแบ่งให้ญาติพี่น้องของคุณทราย
ตนอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว จึงสนใจซื้อไว้ในราคา 3.5 ล้านบาท โดยในวันที่โอน มีทนายผู้ชาย มากับพ่อของคุณทราย โอนกรรมสิทธิ์ให้ตน ซึ่งหลังจากเรื่องเป็นข่าวขึ้นมา ตนสอบถามไปทางครอบครัวของคุณทราย ทราบว่าญาติพี่น้องได้เงินไป 3.2 ล้าน เขาคงจะได้ส่วนต่างที่เหลือไป 3 แสน
หลังจากโอนกรรมสิทธิ์ตึก มีช่วงเวลาระหว่างรอดำเนินการ 3 วัน ในช่วง 3 วันนั้น เขาแอบให้คนมาถอดทรัพย์สินในตึกออกไปหมด พอตนไปถามเขาก็บอกว่าทางครอบครัวคุณทรายยกให้เขา ทั้งเครื่องปรับอากาศ แม้แต่ซิงค์ล้างจานเขายังงัดเอาไป
อาจารย์ปรเมศวร์ ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า คดีนี้จะครบกำหนดฝากขังในวันที่ 19 กรกฎาคม ซึ่งตามกระบวนการต้องสั่งฟ้องให้ทันในวันดังกล่าว ซึ่งตามกำหนดเวลานั้น เขายังไม่คลอดบุตร ก็จะได้สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายที่ได้ลดโทษประหารมาเหลือจำคุกตลอดชีวิตแน่นอน ซึ่งทางครอบครัวหลายคนที่ได้พูดคุยกับตน เขาขอแค่อย่างเดียวคือ ถ้าจะต้องติดคุกตลอดชีวิต ก็ขอให้ติดจริง ไม่ใช่ว่ามาได้ลดโทษ ได้ปล่อยตัวก่อน ฝากเรื่องนี้ไว้ทางราชทัณฑ์ได้นำไปพิจารณา ว่าการจะลดโทษไม่จำเป็นต้องทำตรงเป๊ะตามขั้นตอน เพราะบางคนที่ได้ปล่อยออกมาก็ไปก่อเหตุซ้ำ เห็นมาแล้วหลายเคส
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี