กองปราบตามจับผู้ต้องหาคดีฆ่า หนีการจับกุมมา 17 ปี
2 พฤษภาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม (กก.6 บก.ป.) ชุดปฏิบัติการสงขลา นำโดย พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. , พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป. , พ.ต.ท.ทศพล กิติลาภ สว.กก.6 บก.ป. , ร.ต.อ.อนุวัฒน์ ณ ปัตตานี รอง สว.ฯ ปรก.กก.6 บก.ป. เข้าจับกุมนายปิยะพงษ์ หรือบอย อายุ 34 ปี ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งในชุมชนสะพานดำ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยวางกำลังซุ่มรอจนอยู่ในซอยเพื่อจับตาความเคลื่อนไหวของนายปิยะพงษ์ จนเดินออกมาจากบ้านพักและเข้าทำการจับกุมโดยไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงหมายจับให้ดูในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนและมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควร , ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน” ตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชแผนกคดีเยาวชน ตั้งแต่ปี 2549
คดีนี้ย้อนหลังกลับไปเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2549 ใน ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายบุกยิงนายบัญชา ศรีศักดา เสียชีวิตก่อนหลบหนีไป และจากการสืบสวนทราบว่าหนึ่งในคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ คือ นายปิยะพงศ์ ซึ่งตอนนั้นอายุแค่ 17 ปี แต่ได้หลบหนีการจับกุมมาจนถึงปัจจุบัน กระทั่งล่าสุดตำรวจ กก.6 บก.ป. ประสานชุดสืบสวนตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ให้ช่วยติดตามจับกุมนายปิยะพงศ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งทราบว่าหนีมามีครอบครัวอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ เป็นเวลา 17 ปีแล้ว
สอบสอบสวนนายปิยะพงศ์ ยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าในวันเกิดเหตุตอนนั้นตนยังเป็นวัยรุ่นอายุ 17 ปี ได้ขับรถออกจากบ้านพร้อมกับเพื่อนรุ่นพี่หลายคน แต่ตนได้ไปจอดที่ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ของพี่ชาย ไม่ได้เดินทางไปร่วมก่อเหตุแต่อย่างใด และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกออกหมายจับ เพราะที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิตทำงานตามปกติ หรือแม้แต่ทำบัตรประชาชนหรือติดต่อราชการก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกจับกุมก่อนจะส่งตัวไปยัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับคดีนี้ย้อนหลังไปเมื่อปี 2549 คนผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุถูกตำรวจจับกุมไปแล้ว 3 คน และขณะนี้ทุกคนก็พ้นโทษออกมาหมดแล้ว เหลือเพียง นายปิยะพงศ์ คนเดียวที่เพิ่งถูกจับกุมตัวได้หลังผ่านมา 17 ปี และคดีนี้จะหมดอายุความในวันที่ 22 มกราคม 2569 หรืออีก 3 ปี
-005