‘หมอยง’เตือนปลายพ.ค.รับมือ

โควิดรีเทิร์น

‘เข้าหน้าฝน-เปิดเทอม-เลือกตั้ง’

ปัจจัยกระตุ้นเชื้อแพร่กระจายเร็ว

ชี้ ‘XBB’ เป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลก

ยันวัคซีนที่มีอยู่ลดอาการโคม่าได้

“หมอยง” ชี้โควิดไทยระบาดมากขึ้นชัดเจนปลายเดือนพฤษภาคม เพราะเข้าหน้าฝน-เปิดเทอม-หลังเลือกตั้ง ที่ผ่านการหาเสียงซึ่งมีการรวมตัวของคนหมู่มาก สายพันธุ์ที่พบเกือบทั้งหมดเป็น XBB ลูกหลานโอมิครอน ส่วนสายพันธุ์ XBB.1.16 ยังพบน้อยมาก แต่ทุกสายพันธุ์ที่กระจายทั่วโลกตอนนี้ ความรุนแรงลดลงกว่าสายพันธุ์ดั่งเดิมถึง 90% ยืนยันวัคซีนที่ใช้อยู่ลดความรุนแรงของโรคได้

เมื่อวันที่ 2พฤษภาคม นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสเฟซบุ๊กถึงความคืบหน้าสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ว่า โควิด - 19 ปรับตัวเป็นโรคประจำฤดูกาล และสำหรับประเทศไทยจะเริ่มระบาดเมื่อเข้าหน้าฝน โดยเฉพาะช่วงนักเรียนเปิดเทอมแรก และในปีนี้ประกอบกับมีการหาเสียงเลือกตั้ง มีการรวมคนหมู่มาก โอกาสที่เชื้อจะแพร่กระจายได้มาก โรคจะพบมากขึ้นปลายเดือนพฤษภาคมนี้ หลังเลือกตั้งและนักเรียนเปิดเทอมแล้ว

นพ.ยงกล่าวต่อว่า สำหรับสายพันธุ์ที่พบขณะนี้ ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็น XBB โดยเฉพาะ XBB.1.5 เข้ามาแทนที่สายพันธุ์ที่ระบาดตั้งแต่ต้นปีมาคือ BA.2.75 แล้ว แต่สายพันธุ์ทั้งหมดก็ยังเป็นลูกหลานของโอมิครอน ทั้งนี้ สายพันธุ์ไหนติดได้ง่ายกว่า หลบหลีกภูมิต้านทานได้เก่งกว่าจะเข้ามาแทนที่

ส่วนสายพันธุ์ดาวดวงแก้ว หรือ XBB.1.16 นั้น ยังพบน้อยมาก ทุกสายพันธุ์ที่กระจายทั่วโลกขณะนี้ ความรุนแรงของโรคลดลงมากเมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์ดั้งเดิม (มากกว่า 90%) ผู้ที่เป็นรุนแรงหรือเสียชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่ม 608

นพ.ยงยังระบุอีกว่า วัคซีนที่มีอยู่ขณะนี้ถึงแม้ว่าไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ ดังนั้น กลุ่มเสี่ยง เปราะบาง ควรได้รับวัคซีนป้องกัน และให้ถือเป็นวัคซีนประจำฤดูกาลที่ต้องฉีดก่อนเข้าสู่ฤดูฝนคือ ต้องฉีดในเดือนพฤษภาคม เช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยสามารถให้พร้อมกันได้โดยฉีดกันคนละตำแหน่งหรือคนละข้างแขน

สำหรับวัคซีนที่ใช้อยู่ขณะนี้ ถ้าเป็น mRNA วัคซีน จะเป็นชนิด 2 สายพันธุ์ bivalent คือสายพันธุ์ดั้งเดิม อู่ฮั่นรวมกับโอมิครอน ที่ใช้อยู่ในบ้านเราถ้าเป็นไฟเซอร์ก็จะเป็น BA.1 ส่วนของโมเดอร์นาก็จะเป็น BA.5 โดยของโมเดอร์นาจะมีปริมาณ RNA เพียงครึ่งหนึ่งคือ 50 mcg ของวัคซีนสายพันธุ์เดี่ยวที่เราเคยใช้ในอดีต 100 mcg ในบุคคลที่แข็งแรงดีและมีอายุน้อยกว่า 60 ปี การฉีดวัคซีนตามความสมัครใจ เพราะความรุนแรงของโรคจะน้อยกว่ากลุ่มเสี่ยง 608

“ระยะเวลาอันใกล้นี้เชื่อว่า องค์การอนามัยโลกคงจะเลิกนับจำนวนผู้ที่ติดเชื้อ เพราะตัวเลขที่รายงานเข้าสู่องค์การอนามัยโลก ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก รวมทั้งของไทยก็ไม่ได้นับจำนวนผู้ที่ติดเชื้อแล้ว นับเฉพาะผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และผู้ที่เสียชีวิต จำนวนผู้ที่ติดเชื้อมีมากกว่าจำนวนที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลายสิบเท่า”นพ.ยงระบุ

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยและรับทราบสถานการณ์ระบาดในประเทศรายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน ตามรายงานของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,811 ราย เฉลี่ยรายวัน 258 ราย/วัน ผู้เสียชีวิต 10 ราย เฉลี่ยรายวัน 1 ราย/วัน หายป่วยสะสม 8,382 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เสียชีวิตสะสม 288 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 157 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 79 ราย โดยตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกฯเป็นห่วงประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 607 และ 608 ย้ำขอให้รีบเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่สถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้านโดยเร็ว เพื่อลดความเสี่ยง ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิด-19

“นายกฯยังกำชับให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้เป็นวงกว้าง เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และเพิ่มโอกาสเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด และฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปของผู้สูงอายุ ที่อยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุของภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งต่อสุขภาพของตนเอง ป้องกันคนในชุมชน รวมถึงรักษาระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย” นายอนุชา กล่าว