ตำรวจโพทะเล ออกหมายเรียก "ส.ว." ชื่อดังมาให้ข้อมูลหลังพบปมเอี่ยวเชื่อมโยงชายชุดดำบุกยึด"วัดบางคลาน"ทำร้ายชาวบ้าน ไวยาวัจกรวัด ให้มาพบพนักงานสอบสวนวันที่ 1 มิ.ย.66 นี้ ขณะที่ ส.ว.คนดังไม่หวั่นถูกหมายเรียก ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับชายชุดดำ เชื่อมีอิทธิพลหนุนหลัง ลั่นเมื่อฟ้องมาได้ก็ฟ้องกลับได้
พล.ต.ต.กำธร จันที ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) พิจิตร เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีชายชุดดำบุกเข้าไปทำร้ายพระ ชาวบ้าน และไวยาวัจกรวัดหลวงพ่อเงิน หรือวัดบางคลาน ตำบลบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ได้รับบาดเจ็บเหตุเกิดวันที่ 6 เม.ย.66 ซึ่งตำรวจสามารถจับผู้ต้องหาได้กว่า 20 คน ยังเหลืออีก 2 คนที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องเชื่อมโยงในคดีชายชุดดำที่บุกรุกวัดบางคลาน คือ ส.ว.คนหนึ่ง และนายดุศิต (ขอสงวนนามสกุล) โดยตำรวจ สภ.โพทะเล ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดพิจิตรเพื่อออกหมายจับ ส.ว.คนดังกล่าวกับนายดุศิต เมื่อวันที่ 22 พ.ค.66 ที่ผ่านมา แต่ศาลจังหวัดพิจิตรได้ยกคำร้องให้ตำรวจ สภ.โพทะเล ทำสำนวนออกหมายเรียกแทนเนื่องจากทั้ง 2 คนมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ทางทางพนักงานสอบส่วนจึงได้หมายเรียกให้ ส.ว.คนดังกล่าวเข้าชี้แจงกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 1 มิ.ย.66 นี้ เพื่อชี้แจงกับพนักงานสอบสวนที่พบหลักฐานมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนที่เข้าทำร้ายภายในวัดบางคลาน
ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.ซึ่งถูกกล่าวหาเกี่ยวกับคดีดังกล่าว ได้เปิดเผยถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกว่า ขณะนี้ตนยังไม่ทราบเรื่องและยังไม่ทราบว่าจะเรียกไปเรื่องอะไร แต่หากเป็นเรื่องของชายชุดดำขอชี้แจงตามที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ว่าเป็นเพียงเรื่องชกต่อยกันธรรมดา เรื่องชายชุดดำเป็นเรื่องที่สร้างเรื่องหรือเมกกันขึ้นมา คงต้องดูหมายก่อนว่าหมายเรียกเป็นเรื่องอะไร และ ส.ว.ก็ไม่ได้ไปเกี่ยวหรือไปยุ่งอะไรด้วย โดยหากมีการออกหมายมาก็จะเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
"อยากจะบอกว่าเรื่องของวัดบางคลานชาวบ้านไปร้องเรียนตั้งแต่สมัยผมเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.ว่าถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลจำนวน 5-6 คนกลั่นแกล้งชาวบ้าน และชาวบ้านก็ได้รวมตัวกันขับไล่ออกจากวัดไปแล้ว ซึ่งกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ได้ใช้กฎหมายฟ้องร้องชาวบ้านหลายร้อยคดีและหลายร้อยคนในหมู่บ้านและคนกลุ่มนี้ยังได้นำเงินวัดไป 130 ล้านบาท และยังไม่มีการแจ้งบัญชีหรือทรัพย์สินของวัดให้ชาวบ้านได้ทราบ และกลุ่มบุคคลกลุ่มนี้ยังเป็นกลุ่มที่ชอบสร้างพระขายเป็นมูลค่าหลายร้อยล้าน และที่สำคัญชาวบ้านไปทำบุญก็ถูกแจ้งข้อบุกรุก เป็นวัดเดียวในประเทศไทย ทำให้เมื่อขับไล่กลุ่มนี้ออกไป จึงกลายเป็นเรื่องขัดผลประโยชน์ และปปง.ก็จะมีการสำรวจว่าทรัพย์สินของวัดหายไปเท่าไหร่อย่างไรบ้าง" นายกิตติศักดิ์ กล่าว
นายกิตติศักดิ์ ยังเปิดเผยอีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าตนไปมีผลประโยชน์ในวัดของยืนยันว่า แม้จะเข้าไปทำบุญยังถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลกลุ่มนี้แจ้งความ พร้อมกับชาวบ้านและคงเห็นว่าเป็น ส.ว.เลยฟ้องสักหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไรเป็นเรื่องที่ชกต่อยธรรมดาไม่มีอาวุธอะไร และเมื่อฟ้องมาได้ก็ฟ้องกลับได้ ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่ากลุ่มชายที่เข้าไปทำร้ายเข้าไปที่เข้าไปทาข้าวบ้าน ส.ว.นั้น เรื่องนี้ขอตอบว่าบ้าน ส.ว.เปิดต้อนรับชาวบ้านเสมอ ชาวบ้านจะเข้าไปกินข้าวเมื่อไหร่ก็ได้ และคงไม่มีเงินไปเลี้ยงข้าวใครเพราะจะกินยังไม่มี - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี