โฆษกรัฐบาลเตือนประชาชนทุกภาคทั่วไทย รับมือฝนตกหนักช่วง 27-30 พฤษภาคมนี้ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ด้านชาวพิจิตรยังอ่วมเหตุพายุถล่ม วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยเหลือหวั่นเกิดพายุฝนกระหน่ำซ้ำอีกรอบ
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามัน ช่วงวันที่ 27-30 พฤษภาคม 2566 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามจะเคลื่อนผ่านประเทศไทยและลงสู่อ่าวมะตะบัน ประเทศเมียนมา
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง ในช่วงวันที่ 27-30 พฤษภาคม 2566
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากที่ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาฯ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักและมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ที่ จ.หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 31-38 องศาฯ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากที่ จ.อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาฯ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากที่ จ.ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาฯ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากที่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาฯ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ที่ จ.ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาฯ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร
กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากระหว่างบ่ายถึงค่ำ โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 26-29 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาฯ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุพายุฝนและลมกระโชกแรง ที่ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชน โรงเรียน และสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่ จ.พิจิตร ได้รับความเสียหาย ว่าสำหรับบ้านเรือนในพื้นที่หมู่ 6 ต.เนินปอ อ.สามง่าม กว่า 80 หลังคาเรือน ยังคงมีสภาพความเสียหายจากพายุ โดยหลังคาปลิวออกจากตัวบ้าน ซึ่งชาวบ้านยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่กับสภาพของบ้านที่พังเสียหาย เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและรอการซ่อมแซม โดยชาวบ้านอยากให้หน่วยงานภาครัฐ เร่งเข้าซ่อมบ้านและยังกังวลกับพายุฝนที่อาจจะตกมาอีกในช่วงนี้ ทำให้การใช้ชีวิตมีความยากลำบากมากขึ้น
ด้านนางจำลอง จุมพรม อายุ 90 ปี ชาวบ้านที่ประสบเหตุ และอยู่ในเหตุการณ์พายุพัดกระหน่ำ เปิดเผยถึงนาทีชีวิตช่วงที่พายุพัดเข้ามา ว่าต้องอาศัยห้องน้ำหลบเอาชีวิตรอด ตอนแรกที่ลมพายุพัดมาทำให้หลังคาบ้านปลิว มองผ่านตัวบ้านก็เห็นท้องฟ้า จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งซ่อมแซมบ้าน เนื่องจากเหลือพื้นที่เพียงเล็กน้อยที่จะใช้หลบฝนในช่วงที่เข้านอนในเวลากลางคืน
ขณะที่เทศบาล ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร ได้เร่งออกสำรวจความเสียหาย และจัดสรรงบประมาณเพื่อเข้าซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายจากพายุ พร้อมกับย้ายกองอำนวยการร่วม ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากที่เคยตั้งอยู่ที่วัด มาตั้งที่เทศบาล ต.เนินปอ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และเจ้าหน้าที่ในการจัดการเรื่องเอกสาร รวมถึงอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่จะร่วมบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าว