ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย SMS ระบาด แอบอ้างKerry ส่ง ‘หม้อชาบู’ล่อใจ ก่อนหลอกทำภารกิจโอนเงิน เผยช่วงมีนาคม-พฤษภาคม2566 มีผู้แจ้งความ35.377เรื่อง เสียหาย 4,281ล้านบาท นับเป็นความเสียหายอันดับ2รองจากหลอกลวงให้ร่วมลงทุนธุรกิจอวตาร
เมื่อวันที่ 28พฤษภาคม2566 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (โฆษก บช.สอท.) เปิดเผยว่า บช.สอท.ขอฝากเตือนภัยมิจฉาชีพส่งข้อความสั้น (SMS) แอบอ้างบริษัท Kerry Express ส่งของขวัญมาให้ จากนั้นหลอกให้ทำภารกิจ หรือกิจกรรมต่างๆ สุดท้ายสูญเสียทรัพย์สิน สืบเนื่องจาก บช.สอท.ได้รับรายงานว่า จากการตรวจสอบในระบบการรับแจ้งความออนไลน์ พบว่า มีผู้เสียหายหลายรายได้รับข้อความสั้น (SMS) จากมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นบริษัท Kerry Express แจ้งว่า “คุณมีประวัติใช้งาน 5ครั้ง บริษัทจึงขอมอบของขวัญหูเป็นฟังบลูทูธเพื่อเป็นการขอบคุณ” พร้อมแนบลิงก์ให้เพิ่มเพื่อนทางไลน์ บัญชีไลน์ดังกล่าวได้อ้างตัวเป็นแอดมินจากบริษัท TAIYANG MEDIA (ไท่หยาง มีเดีย) แจ้งผู้เสียหายว่าขณะนี้หูฟังบลูทูธหมด แต่จะส่ง“หม้อชาบู”ขนาดเล็กมาให้แทน โดยไม่มีการเรียกเก็บเงินปลายทาง และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เมื่อผู้เสียหายส่งชื่อที่อยู่ให้ จากนั้นอีกไม่กี่วันผู้เสียหายก็ได้รับหม้อชาบูดังกล่าวจริง ต่อมา แอดมินให้แอดไลน์กับฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อรับเงินโบนัส 38 บาท และรับของขวัญเป็นโทรทัศน์ดิจิทัล ขนาด 32นิ้ว เมื่อผู้เสียหายแอดไลน์ไปแอดมินได้ขอชื่อและที่อยู่ รวมถึงขอหมายเลขบัญชีธนาคารเพื่อโอนเงินโบนัสมาให้ ปรากฏว่าผู้เสียหายได้รับเงินโบนัสเล็กน้อยจริง จากนั้นผู้เสียหายถูกหลอกลวงให้เข้ากลุ่ม Open Chat Line เพื่อทำภารกิจ หรือกิจกรรมต่อไป โดยการให้ไปกดติดตามบัญชีผู้ใช้ตามสั่งในแอปพลิเคชัน Tiktok การกดติดตาม 1 ครั้ง จะได้เงิน 20 – 50 บาท ผ่านการลงทะเบียนในเว็บไซต์ปลอมชื่อ ASIA MEDIA ที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมา ซึ่งผู้เสียหายก็ได้รับเงินจริงมาประมาณ 300 บาท ทำให้ผู้เสียหายยิ่งหลงเชื่อ
ต่อมาแอดมินได้ให้แอดไลน์ไปยังบุคคลอ้างตัวว่าเป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในการทำกิจกรรม กระทั่งได้ส่งใบรายการเพื่อส่งเสริมการโปรโมทเพื่อการตลาด ในระดับต่างๆ จำนวน 6 ระดับ เช่น 888 บาท จะได้เงินรวมกำไร 1,110 บาท 12,188 จะได้เงินรวมกำไร 16,453 บาท เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแต่กลับไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ถูกอ้างว่าทำกิจกรรมไม่ครบตามจำนวน หรือทำผิดกติกาต่างๆ เป็นต้น ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวงและได้รับความเสียหาย จึงแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับมิจฉาชีพตามกฎหมายต่อไป
โฆษก บช.สอท. ระบุว่า ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงประชาชนให้ทำภารกิจ หรือทำงานออนไลน์เพื่อหารายได้เสริม โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง เพราะถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบมาโดยตลอด มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ การหลอกลวงลักษณะดังกล่าวมีประชาชนเดือดร้อนสูงเป็นลำดับ2ของการหลอกลวงทั้งหมด รองจากการหลอกลวงขายสินค้าหรือบริการ โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.65 -14พ.ค.66 มีผู้เสียหายแจ้งความออนไลน์ จำนวน 35,377 เรื่อง หรือคิดเป็น 13.69% มีความเสียหายรวมกว่า 4,281ล้านบาท สูงเป็นลำดับที่ 2 รองจากการหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้แล้วการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวแล้ว ยังพบว่ามีหลอกลวงในลักษณะอื่นๆ ที่คล้ายกันอีก เช่น การหลอกลวงให้กดไลก์ (Like) กดแชร์ (Share) ดูคลิปวิดีโอจากยูทูบ (YouTube) กดรับออร์เดอร์สินค้า รีวิวสินค้า พับถุงกระดาษ ร้อยลูกปัด หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ตามแต่ที่มิจฉาชีพออกอุบาย โดยการประกาศเชิญชวนโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือการส่งความสั้น (SMS) ไปยังเหยื่อโดยตรง ให้กดลิงก์เพิ่มเพื่อน แล้วเข้ากลุ่มทำงานที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมา โดยในช่วงแรกจะได้เงินคืนมาเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นมิจฉาชีพก็จะให้ทำภารกิจพิเศษ หลอกให้เหยื่อโอนเงินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับภารกิจ
ทั้งนี้ เหยื่อมักเสียดายเงินที่เคยโอนไปก่อนหน้านี้ อยากได้เงินทั้งหมดคืน ก็หลงเชื่อโอนเงินไปเพิ่มอีกหลายครั้ง มิจฉาชีพก็จะมีข้ออ้างต่างๆ รวมไปถึงการสร้างความน่าเชื่อถือโดยให้หน้าม้าในกลุ่มไลน์แสดงหลักฐานปลอมว่าได้รับเงินจริง กระทั่งเมื่อเหยื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกลวงก็จะปิดการติดต่อหลบหนีไป เพราะฉะนั้นการทำกิจกรรม หรือธุรกรรมใดๆ บนโลกออนไลน์ต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพและมีสติอยู่เสมอ
โฆษก บช.สอท. ฝากเตือนถึงแนวทางการป้องกันการถูกหลอกลวงหารายได้จากการทำกิจกรรมผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ดังนี้ 1.เมื่อพบคำเชิญชวนให้ทำงานออนไลน์ ผ่านทางข้อความสั้น (SMS) หรือประกาศ โฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, Tiktok อย่าเข้าไปติดต่อสมัครทำงานเป็นอันขาด มักจะมีการแอบอ้างสัญลักษณ์ของหน่วยงาน หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องมาเพิ่มความน่าเชื่อถือ 2.หลีกเลี่ยงข้อเสนอที่ฟังดูดี หรือมีผลตอบแทนสูง ทำง่าย มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน 3.หากต้องการจะทำงานจริงๆ ให้ปรึกษาสายด่วนของตำรวจไซเบอร์ ที่หมายเลข 1441 หรือ 08-1866-3000 เพื่อปรึกษา สอบถามว่างานดังกล่าวเข้าข่ายหลอกลวงเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ 4.หากมีการให้โอนเงินมัดจำ หรือเงินลงทุน หรือสำรองเงินใดๆ ก่อน สันนิษฐานได้ทันทีว่ากำลังโดนมิจฉาชีพหลอกลวง อย่าโอนเงินไปเด็ดขาด 5.ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงินใดๆ มิจฉาชีพมักให้เหยื่อส่งหลักฐาน ข้อมูลส่วนบุคคล อ้างว่าใช้ในการสมัครงาน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ 6.ไม่หลงเชื่อเพียงเพราะว่ามีการส่งสิ่งของ หรือให้เงินให้ในจำนวนเล็กน้อยก่อนจริง 7.ระมัดระวังการโอนผ่านบัญชีของบุคคลธรรมดา โดยควรตรวจสอบหมายเลขบัญชีธนาคาร หรือชื่อนามสกุลเจ้าของบัญชี ก่อนโอนเงินทุกครั้งว่ามีประวัติไม่ดีหรือไม่ ผ่าน https://www.blacklistseller.com หรือ https://www.chaladohn.com เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี