ลูกนายตร.ดังพบ DSI
ชี้แจงเส้นทางการเงิน
ปัดเอี่ยวทำเว็บพนัน
พ.ต.ต.ลูกนายตำรวจดัง เข้าให้ปากคำดีเอสไอ หลังจากพบเส้นทางการเงินพัวพันเว็บพนัน ด้าน ผอ.กองคดียาฯ ดีเอสไอ เผยเจ้าตัวยอมรับโอนเงินซื้อรถ-พระเครื่อง ให้กับ ร.ต.อ.หลักสิบล้าน ปัดเอี่ยวเว็บพนัน
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกบุคคลกว่า 9 ราย ให้เข้าให้การในฐานะพยานในคดีพิเศษที่ 8/2566 เกี่ยวกับเว็บพนันและการฟอกเงิน โดยเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา สองพี่น้องประธานสโมสรฟุตบอลดัง คือนายพงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก หรือ บอสตาล ประธานสโมสรฟุตบอลลำพูนเวอริเออร์ และนายศิริพงษ์ ฐาราชวงศ์ศึก หรือบอสต้น ประธานสโมสรพิษณุโลกเอฟซี ได้เข้าให้ปากคำในฐานะพยานกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ภายหลังมีการรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่าทั้งสองเกี่ยวพันมีความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินกับ น.ส.ชบา ปะตะทะกัง ผู้ที่เป็นบัญชีม้า ถูกใช้เป็นบัญชีหลักให้เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์และยาเสพติด รวมทั้งยังพบว่ามี 2 นายตำรวจ ประกอบด้วย ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช พงค์ภิภัทราภาคิน และ ว่าที่ พ.ต.ต.ปภิณวิช รอดบางยาง มีความเกี่ยวข้องทางการเงินกับ น.ส.ชบา ด้วย ว่า ทาง พ.ต.ต.ปภิณวิช ได้เดินทางเข้าพบนายพงษธร อินอำนวย ผอ.กองคดียาเสพติด และพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน
นายพงษธร กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ ว่าที่ พ.ต.ต.ปภิณวิช โดยสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดคดีก่อนหน้านี้ (คดีพิเศษที่ 60/2563) เนื่องจากเจ้าตัวยังไม่ได้ถูกสอบปากคำ ไม่เคยถูกเรียกสอบ และไม่ปรากฏชื่อในสำนวนคดีเก่า อีกทั้งตนได้สอบถามเกี่ยวกับกระแสข่าวการเรียกรับเงินของคณะทำงานชุดเก่ากว่า 10 ล้านบาท ที่มียูทูบเบอร์รายหนึ่ง ออกมาให้ข่าว เจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีการเรียกรับเงินแต่อย่างใด และแม้จะยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน แต่ยอมรับว่าธุรกรรมทางการเงินหลักหลายสิบล้านบาทโอนไปยัง ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช จริง เจ้าตัวพยายามชี้แจงว่าโอนไปด้วยสาเหตุการซื้อขายรถยนต์-พระเครื่อง และไม่ทราบว่า ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช พัวพันกับเว็บพนัน
“เน้นย้ำว่าหากรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้วพบว่ามีความผิด ถ้าผิดคือผิด ไม่ต้องวิ่งเต้นคดี ขอเคลียร์ แต่ถ้าไม่ผิดเราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา และจะส่งข้อมูลให้สรรพากร ร่วมตรวจสอบด้วย เนื่องจาก ว่าที่ พ.ต.ต.ปภิณวิช มีกิจการเกี่ยวกับเรือยอชต์ ซุปเปอร์คาร์ และธุรกิจอื่นๆ” นายพงษธร กล่าว
นายพงษธร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณี ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช ได้รับแจ้งว่าจะเข้าให้การกับพนักงานสอบสวน เช่นเดียวกัน ซึ่งก็จะอ่านคำให้การเก่า เพราะเคยยอมรับว่าเป็นเอเย่นต์เว็บพนัน เพื่อสอบถามเจ้าตัวว่าจะยังยืนยันในคำให้การเดิมหรือไม่ หากยืนยันตามคำให้การเดิม พนักงานสอบสวนจะนำไปสืบสวนขยายผลในส่วนของชื่อเว็บพนัน เส้นทางการเงิน และหากพบรายชื่อพยานบุคคลใดเพิ่มเติม จะเรียกมาให้การในฐานะพยาน เพื่อยืนยันว่ามีการเล่นเว็บพนันกับนายตำรวจรายนี้ รวมถึงเล่นเว็บอะไร และทางพนักงานสอบสวนจะยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เนื่องจากต้องไปตรวจสอบก่อน ถ้าพบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้วก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง สำหรับประเด็นที่จะสอบถาม ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช อาทิ จะให้ชี้แจงรายชื่อเว็บพนันว่ารู้จักหรือไม่ อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่ายังมีนายตำรวจรายอื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ นายพงษธร กล่าวว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีตำรวจรายอื่นเชื่อมโยงกับ 2 นายนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับตำรวจทั้ง 2 นาย ยังเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายตำรวจที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์พนันออนไลน์รายใหญ่ อย่างเครือข่าย ‘สารวัตรซัว’ โดยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เคยออกมาแฉ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กระทั่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จเรตำรวจแห่งชาติ สรุปว่าข้อกล่าวหามีมูลความผิดทางวินัย เห็นควรเสนอ ตร.แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตำรวจดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ. 2556