ผบ.ทร.เผยงบกู้เรือหลวงสุโขทัย 200 ล้านที่เสนอเป็นไปตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง อยู่ระหว่างการพิจารณา พร้อมยืนยันเรือยังอยู่ในสภาพเดิม ห้ามผู้ใดที่เข้าไปในพื้นที่ที่เรืออับปาง หรือนำทรัพย์สินของเรืออกมา มีความผิดทางอาญา
1 มิ.ย.66 ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (ผบ.ทร.) พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดเผยถึงการกู้เรือหลวงสุโขไทย ว่ากองทัพเรือได้มีการเสนอของบประมาณจากงบกาลาง จำนวน 200 ล้านบาท ในการกู้เรือ ซึ่งกองทัพเรือได้เตรียมพร้อมทำสัญญากับบริษัทที่จะเข้ามาดำเนินการในการกู้เรือ
ทั้งนี้ จำนวนเงินที่กู้ไปกับกระทรวงหลาโหม 200 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งการใช้งบกลางต้องขออนุญาตกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง แต่ปัจจุบันยังอยู่ในการพิจารณาของสำนักงบประมาณ โดยจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณเท่าใดนั้น จะแจ้งให้กับกองทัพเรือทราบ อาจจะใช้งบกลางทั้งหมด หรือใช้งบกลางบางส่วน และให้กองทัพเรือใช้งบประมาณเหลือจ่ายของกองทัพเรือสมทบให้ครบตามจำนวน 200 ล้านบาท พร้อมยืนยันงบประมาณที่เสนอเป็นไปตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง โดยกองทัพเรือมีความพร้อมที่จะจัดตั้งบริษัทเข้าทำการกู้เรือทันทีที่งบประมาณอนุมัติ ซึ่งขณะนี้มีบริษัทที่มาเสนอประมาณ 4-5 บริษัท
พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า กองทัพเรือมีความต้องการกู้เรือทั้งลำ ไม่ให้ตัดชิ้นส่วนหรือแยกชิ้นส่วนของเรือ ทั้งนี้ เรือจมอยู่ที่ระดับความลึก 50 เมตร การทำงานใต้น้ำที่ระดับความลึกดังกล่าวนั้น มีข้อจำกัดในการดำน้ำลึก จึงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการปฏิบัติการกู้เรือและนำเรือขึ้นมาในระดับความลึกที่สามารถปฏิบัติงานได้ก่อนที่จะนำเรือขึ้นมาลอยลำให้สามารถซ่อมแซมเรือ และนำเรือกลับมาที่อู่ของกองทัพเรือได้ โดยระยะเวลาการกู้เรือประมาณ 3 เดือน ส่วนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างต้องดำเนินการไปตามระเบียบ คาดว่าอาจจะไม่ทันภายในปี 2566 เนื่องจากเมื่อรับงบประมาณมาครบแล้ว จะใช้เวลาการจัดซื้อจัดจ้างประมาณ 2-3 เดือน จากนั้นจะใช้เวลาในการกู้เรืออย่างน้อย 3 เดือน
ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวอีกว่า บริเวณที่เรือหลวงสุโขทัยอับปาง กองทัพเรือยังคงส่งเรือและอากาศยาน เข้าตรวจสอบพื้นที่ โดยพบว่าสภาพเรือจมอยู่ที่เดิมและเป็นภาพที่ตั้งลำเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่มีเพรียง หรือ สัตว์น้ำเข้ามาเกาะอยู่บ้าง โดยระยะทางปัจจุบันที่เรือจมอยู่ห่างจาก อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 20 ไมล์ทะเล เป็นพื้นที่ที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จำกัดให้เป็นเขตภันพิบัติ ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ อีกทั้งเรือหลวงสุโขทัยยังเป็นทรัพย์สินของราชการ
ดังนั้นบุคคลที่เข้าไปในพื้นที่ มีความผิด ตามพระราชัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ปี พ.ศ.2562 หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำและปรับ และหากผู้ใดนำชิ้นส่วน อุปกรณ์ ยุทธภัณฑ์ ของเรือออกจากเรือ มีโทษลักทรัพย์ ทั้งจำและปรับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี