ทนายพัช เบิกความ คดีแอมฟ้องหมิ่นรพี ร้องศาลเบิกตัวแอมมาไต่สวนด้วย ด้านทนายเดชาซักค้านไม่ยั้ง ส่วนรพี เสียใจยันพูดในรายการเป็นข้อเท็จจริงเป็นประโยชน์ มองว่าฟ้องเพื่อปิดปาก ด้านทนายเดชา จ่อฟ้องกลับหากศาลยกฟ้อง ศาลนัดไต่ส่วนต่อ 24 ก.ค.นี้
วันที่ 1 มิถุนายน 2566 เวลา 16.30 น. ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรก คดีดำ อ.1090/2566 ที่ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ อายุ32 ปี ผู้ต้องหาคดีวางยาฆาตรกรรมเหยื่อหลายราย มอบอำนาจให้ทนายความเป็นโจทก์ฟ้องนายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อคดีแอม ไซยาไนด์ เป็นจำเลยในความผิดฐานผิดหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา
โดยวันนี้ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนางสรารัตน์ โจทก์เข้าเบิกความต่อศาล โดยมีนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายของนายรพี ฝ่ายจำเลย เข้าซักค้านโดยมีนายรพี ตัวแทนมูลนิธิวินวิน ญาติของผู้เสียหายบางส่วน ได้เดินทางมาศาลเพื่อร่วมฟังการพิจารณาด้วย
ส่วนนางสรารัตน์ หรือ แอม โจทก์ ยังคงถูกควบคุมตัวที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
โดย น.ส.ธันย์นิชา ได้เบิกความ เกี่ยวกับพฤติการณ์ตามฟ้องขณะที่นายเดชาทนายจำเลยก็พยายามซักค้านในประเด็นต่างๆจนเสร็จสิ้น และทนายพัช ได้เบิกความและตอบคำถามค้านของทนายจำเลยจนเสร็จสิ้น
และน.ส.ธันย์นิชาได้แถลงต่อศาลขอให้เบิกตัว นางสรารัตน์ หรือ แอม กับ มารดาแอม รวม 2ปาก มาเบิกความต่อศาลด้วย ศาลพิจารณาแล้ว นัดไต่สวนมูลฟ้องอีกครั้ง วันที่ 24 ก.ค.เวลา 13.30 น.
ภายหลัง น.ส.ธันย์นิชา หรือ ทนายพัช ทนายความโจทก์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองเบิกความเพียง 1 ปาก ซึ่งศาลนัดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 24 ก.ค.2566 โดยศาลอนุญาตให้เบิกตัวนางสรารัตน์ หรือ แอม โจทก์มาเบิกความ นอกจากนี้ยังมีพยานอื่นอีก 1 ปากด้วย ยืนยันว่าการยื่นฟ้องหมิ่นประมาทเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย
ส่วนที่นายเดชา ทนายความจำเลย ให้สัมภาษณ์ว่า หากคดีนี้ศาลยกฟ้อง จะฟ้องกลับนั้น ก็ไม่ได้กังวล เพราะหากศาลเห็นว่าเป็นการใช้สิทธิฟ้องคดีโดยชอบ ก็อาจจะดำเนินการฐานกลั่นแกล้งได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามตนเองกับนายเดชา ก็เจอหน้าและพูดคุยกันแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ต่างคนต่างก็ทำตามหน้าที่ในฐานะทนายความ
นายระพี กล่าวก่อนขึ้นฟังการพิจารณาคดีว่า มูลเหตุการฟ้องร้อง มาจากการที่ตนไปออกรายการ “ถกไม่เถียง” เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยตนกล่าวในรายการว่า แอม โกหกเจ้าหน้าที่จนหัวปั่น และหลอกตำรวจ จึงทำให้แอมฟ้องร้องวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งตนเองเสียใจว่า ตนตามคดีนี้จนตำรวจออกหมายจับแอมหลายคดี และการพูดในรายการโทรทัศน์ “ถกไม่เถียง”ก็เป็นการพูดตามข้อเท็จจริง ทั้งนี้รู้สึกเสียใจว่า ตนช่วยตามคดีให้กับญาติของผู้ตาย จนตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับแอมได้ แต่ต้องมาถูกฟ้องเป็นจำเลย รวมทั้งอ้างว่าจะฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ ญาติผู้เสียชีวิต และสื่อมวลชนด้วย จึงมองว่าเป็นการฟ้องเพื่อปิดปาก ไม่ให้ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริง ทั้งที่การทำหน้าที่และออกมาเปิดเผยข้อมูลต่างๆ นั้นเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และก่อนหน้านี้ตนเองเคยบอกแอมว่า ให้ยอมรับความจริง จะได้ไม่มีความผิดมากไปกว่านี้
ด้านนายเดชา ทนายความนายระพรี กล่าวว่าวันนี้เตรียมพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการไต่สวน เป็นบันทึกการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหมายจับแอม จำนวน 15 คดี รวมทั้งคลิปวิดีไอที่แอมพูดคุยกับตำรวจสภ.บ้านโป่งว่าถูกแอมหลอกจนหัวปั่น มายื่นเพื่อพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่านายระพีพูดตามข้อเท็จจริง ไม่ได้พูดหมิ่นประมาท เพราะเป็นการพูดไปตามที่ตำรวจกองปราบปรามและตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พูดไว้ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นพิจารณาจากข้อความดังกล่าวแล้ว ไม่น่าจะเข้าข่ายหมิ่นประมาท ดังกล่าวหากศาลยกฟ้อง ก็อาจจะดำเนินการฟ้องกลับข้อหาฟ้องเท็จ เบิกความเท็จ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงสุดรวมกัน 12 ปี