"คุณปลื้ม"ยกกรณี"หยก"ฟาดเดือดอีกรอบหลังไม่อยากเรียนวิชาจริยธรรม ทั้งที่เป็นวิทยาศาสตร์แห่งความผิดชอบชั่วดี พร้อมถอนหงอกพวกผู้ใหญ่โหนเด็ก 15 สร้างความนิยมให้กับตัวเอง คิดเป็นหรือไม่"เสรีภาพ"อย่างเดียวมันไปไม่รอด
20 มิ.ย.66 กรณีปัญหาของ"หยก” ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปีนรั้วและหน้าต่างโรงเรียน ขณะที่ทางโรงเรียนเตรียมพัฒฯ ยืนยันว่า หยก ไม่มีสถานะการเป็นนักเรียนแล้ว แต่เจ้าตัวยืนกรานที่จะเข้าเรียนที่รร.เตรียมพัฒน์ฯต่อไป โดยอ้างว่าการมอบตัวเสร็จสมบูรณ์ไปแล้วเมื่อวันที่ 16 พ.ค.66 เพราะได้จ่ายค่าเทอม ส่วนเรื่องเสรีทรงผม สีผม เป็นสิทธิพื้นฐานตามเนื้อตัว ร่างกาย เช่นเดียวกับเรื่องการแต่งกายที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน อีกทั้งการแต่งกายก็ไม่ได้ส่งผลต่อการเรียน ยืนยันว่าถึงจะแต่งไปรเวทก็ยังเรียนได้ และไม่ได้เลือกเรียนเฉพาะวิชาที่ชอบ แต่เห็นว่าวิชาจริยธรรม เป็นวิชาที่ไม่มีประโยชน์ คิดว่าสอนกันมาแบบนี้ก็ไม่มีใครเป็นคนดีขึ้น จากการต้องฟังว่าเราต้องเป็นคนดีนั้น
20 มิ.ย.66 เฟซบุ๊ก M.l. Nattakorn Devakula ของ หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ คุณปลื้ม พิธีกร และผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ โดยเกี่ยวกับความสำคัญ และหลักการของการสอนวิชาจริยธรรม ระบุว่า "ไม่ต้องการเรียนวิชาศีลธรรมหรือจริยธรรม เพราะผู้ใหญ่เรียนกันมาก็ยังทุจริตคอร์รัปชัน? เป็นบทสรุปที่ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียนรู้ การศึกษาทุกยุคทุกสมัย ทุกชาติ ทุกภาษา ต่างให้ความสำคัญในการสอนวิชาในกลุ่ม “จริยศาสตร์” (Ethics) กันทั้งนั้น เด็กซึ่งเรียนในระบบการศึกษาไทยนั้นโชคดีที่ได้มีหลักสูตรด้านนี้ตั้งเเต่ช่วงมัธยมฯ ทั้งที่ในหลายประเทศกว่าจะได้มีโอกาสเลือกวิชาประเภทนี้ คือช่วงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเเล้ว บังเอิญอาจได้เลือกเรียนวิชาทางด้านปรัชญาหรือศาสนา เอาจริงๆ แล้วมันคือหนึ่งในแขนงวิชาที่สำคัญที่สุด สำหรับเด็กที่ต้องเติบโตขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสังคมมีแต่ผู้ใหญ่ที่พร้อมใช้โอกาสเเสวงหาอำนาจและความนิยมให้กับตนเอง
จริยศาสตร์เป็นวิชาที่ว่าด้วยความดี ความชั่ว ความถูก ความผิด สิ่งที่ควรเว้น สิ่งที่ควรทำ
เอาง่ายๆ มันคือวิทยาศาสตร์แห่งความผิดชอบชั่วดี ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ขาดอย่างมากในหมู่นักเคลื่อนไหวซึ่งไม่เคารพกติกาเเละไร้มรรยาทอยู่ ณ เวลานี้ มันคือศาสตร์ที่ว่าด้วยศีลธรรมหลักศีลธรรมเเละกฎที่ว่าด้วยความประพฤติและพฤติกรรม
นอกเหนือไปจากนั้น ถึงแม้ว่าผู้ใหญ่ทางการเมืองและเอ็นจีโอหลายท่านไม่ได้มีโอกาสสอนเด็กๆ เรื่องนี้ เยาวชนควรมองให้เห็นคุณค่าของวัฒนธรรมในการจะช่วยจรรโลงโลก จรรโลงศีลธรรม จริยธรรม ด้วยหัวใจสำคัญที่เราเรียกกันว่า “รสนิยม” รสนิยมสะสมคือผลพวงจากการปลูกฝังทางด้านศิลปวัฒนธรรม (ศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลายในทุกแขนง) รสนิยมสะสมนี้จะช่วยชี้ทางผิดชอบชั่วดี และที่สำคัญที่สุดก็คือ รสนิยมสะสมนี้จะช่วยบอกเราเรื่อง “กาลเทศะ” และ “อะไรควร อะไรไม่ควร” และ “ความพอเหมาะพอดี” สิ่งเหล่านี้เป็น อัตวิสัย (Subjectivity) ที่จะใช้กำกับกรอบแห่งความพอเหมาะพอดี ที่เราจะต้องมีสำนึกขึ้นมาเพื่อควบคุมตนเองให้อยู่ในความพอเหมาะได้
ในชีวิตนี้จะมีแต่คำว่าสิทธิเสรีภาพอย่างเดียวไม่ได้ กรุณาหากรอบความคิดที่ครบถ้วนกระบวนความเเละรอบด้านกว่านี้ ที่เหมาะสมเสียกว่า แล้วร่วมกันถ่ายทอดสิ่งนั้นถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน การรู้ดีเเละเฮ้าเลี่ยนด้าน “เสรีภาพ” เพียงอย่างเดียวมันไปไม่รอด ทั้งในตัวบุคคลและสังคม นี่ผมไม่ได้เทศนาเด็กวัย 15 ปีอยู่ แต่กำลังสื่อสารถึงบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน แต่ในวันนี้กลับคิดไม่เป็น เพราะไม่กล้าเสียสิ่งที่เรียกว่า 'Personal Popularity' เเละ 'Political Convenience'
ขอบคุณข้อมูลเฟซบุ๊ก M.l. Nattakorn Devakula
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี