วุ่น!ยกฐานะ‘กศน.’สู่‘สกร.’กระทบสิทธิวิทยฐานะบุคลากร-มึนสถานะ‘ท้องฟ้าจำลอง’
27 มิถุนายน 2566 นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) เปิดเผยความคืบหน้าในการจัดทำกฎหมายลูก 13 ฉบับของสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ คงต้องมีการพิจารณาในหลายเรื่อง และหนึ่งในเรื่องสำคัญ คือ การดูรายละเอียดสิทธิที่บุคลากรจะได้รับ โดยพบว่ามีปัญหากรณีการเปลี่ยนชื่อจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เดิม มาเป็น สกร. ที่พบว่าจะไปกระทบสิทธิในเรื่องวิทยฐานะของข้าราชการ กศน. เพราะระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนดชื่อหน่วยงานที่จะสามารถขอมีและเลื่อนวิทยฐานะไว้ชัดเจน ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนชื่อหน่วยงานใหม่ทำให้สิทธิการได้วิทยาฐานะ ไม่สอดคล้องกับระเบียบของสำนักงาน ก.ค.ศ. จึงต้องไปปรับแก้ระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตรงนี้เป็นปัญหาบางส่วนที่อยู่ระหว่างการแก้ไข
นอกจากนี้ยังมีปัญหาภายในอีกบางส่วน เช่น หน่วยงานในสังกัด อย่างศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา หรือ “ท้องฟ้าจำลอง” กรุงเทพฯ ยังมีข้อถกเถียงถึงสถานะ เพราะส่วนหนึ่งอยากให้ปรับเป็นสถานศึกษา เพื่อให้บุคลากรที่ทำงานในศูนย์ดังกล่าวมีโอกาสก้าวหน้า สามารถขอมีและเลื่อนวิทยฐานะได้เช่นเดียวกับข้าราชการสังกัดอื่น แต่ติดปัญหาตรงที่ท้องฟ้าจำลองไม่มีนักเรียน ดังนั้นความเป็นไปได้จึงอาจให้ปรับเป็นสถาบันฯ ซึ่งคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายอยู่ระหว่างการแก้ไข
“คาดว่าการจัดตั้ง สกร.กว่าจะเข้าที่เข้าทาง ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี เรื่องนี้คณะกรรมการฝ่ายกฎหมาย จะเป็นผู้ที่รับหน้าที่หนัก เพราะ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ.2566 ฉบับนี้ ไม่สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่จะไปสอดคล้องกับร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .. ที่ค้างการพิจารณาอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นคงต้องฝากรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารงาน เมื่อเปิดสภาฯแล้วขอให้เร่งพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ เป็นลำดับแรก ๆเพราะถือเป็นกฎหมายสำคัญ ซึ่งหากร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้แล้ว การดำเนินการต่าง ๆก็จะมีความสอดคล้องกันมากขึ้น” นายอรรถพล กล่าว
ปลัด ศธ. กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้ากฎหมายลูก 13 ฉบับนั้น อยู่ระหว่างดำเนินการ แต่ยังติดประเด็นที่เกี่ยวข้อง กับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) บางส่วนต้องอาศัยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งกรณีการเปลี่ยนชื่อสถานศึกษา ความชัดเจนว่าหน่วยงานใดจะจัดตั้งเป็นสถาบัน หรือหน่วยงานใดจะเป็นสถานศึกษา และความเชื่อมโยงกับระเบียบ ก.พ. และมติครม.ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีมติไม่ให้มีการตั้งหน่วยงานใหม่ จึงได้ทำหนังสือหารือไปยัง ก.พ. เพื่อขอความเห็น และเสนอ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบจัดตั้ง สกร.อย่างเป็นทางการต่อไป
“สาเหตุที่ต้องเสนอเข้า ครม.เพราะอนาคตจะต้องมีการตั้งสถานศึกษาใหม่ รวมถึงต้องมีการเพิ่มอัตราบุคลากร ซึ่งทั้งหมดมีผลผูกพันกับงบประมาณในระยะยาว ทั้งหมดนี้คงต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารงาน โดยสิ่งสำคัญที่ต้องเร่งทำขณะนี้คือ การจัดทำคำของบประมาณ 2567 และการพัฒนาหลักสูตรที่จะต้องครอบคลุมทุกช่วงวัย ตามกฎหมายใหม่ โดยจะต้องเป็นหลักสูตรที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน” ปลัด ศธ. กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี