ทอ.วอนสังคมฟังความรอบด้าน ยัน ไม่มีการลงโทษทหารใหม่จนตาบอด แพทย์วินิจฉัย เป็นโรคตาขี้เกียจ ตามองเห็นที่เลือนรางสองข้าง ได้ได้มาจากการฝึก
วันที่ 4 กรกฎาคม 2566 พล.อ.ต. ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิป อ้างถึงพลทหารสังกัดหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ร้องว่าถูกทำโทษจนทำให้ตาบอด ว่า ขณะนี้ พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้วและได้สั่งการให้สอบสวนข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน พร้อมชี้แจงให้สาธารณชนทราบเพื่อแสดงถึงความโปร่งใส
โดยอยากขอให้สังคมฟังความอย่างรอบด้าน เนื่องจากกองทัพอากาศมีนโยบายที่ชัดเจน และ เน้นย้ำอยู่เสมอไม่ให้มีการทำร้ายร่างกายทหารหรือการลงโทษที่เกินกว่าเหตุในระหว่างการฝึก อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทหารกองประจำการให้ดีขึ้นมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามหากผลการสอบสวนพบว่ามีการกระทำที่ขัดต่อนโยบายดังกล่าว ก็จะมีการลงโทษตามระเบียบโดยไม่มีข้อยกเว้น
โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นจากผู้เกี่ยวข้อง พบว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ค.66 พลทหารคนดังกล่าว รายงานตัวเข้ารับการฝึก ณ หน่วยฝึกทหารกองประจำการใหม่ ศูนย์การทหารอากาศโยธิน หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน และแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นโรคตาขี้เกียจ
วันที่ 16-17 พ.ค.66 มีการฝึกเบื้องต้น อาทิ ท่าตรง ท่าตามระเบียบพัก ท่าทำความเคารพ และการดำเนินการด้านธุรการต่าง ๆ ทั้งนี้ พลทหารรายนี้ไม่ได้เข้ารับการฝึกเนื่องจากแจ้งว่าปวดตา จึงได้รับอนุญาตให้พักโดยนอนที่เตียงสนามในเต็นท์ของหน่วยฝึกฯ รอดำเนินการเรื่องสิทธิการรักษาแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย
วันที่ 18 พ.ค.66 ได้เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลทหารอากาศ (สีกัน) กรมแพทย์ทหารอากาศ โดยมีอาการปวดกระบอกตามากทั้งสองข้าง แสบตา น้ำตาไหล ลืมตาไม่ค่อยขึ้น ซึ่งเจ้าตัวแจ้งว่าเป็นมาตั้งแต่เด็ก โดยแพทย์โรงพยาบาลทหารอากาศ (สีกัน) วินิจฉัยว่าเป็นโรคตาขี้เกียจ สายตามีการมองเห็นที่เลือนรางสองข้าง และได้ทำการรักษาตามอาการ พร้อมทั้งวางแผนทำการตรวจรักษาอย่างต่อเนื่องโดยส่งตัวไปพบจักษุแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ และสุดท้ายได้นัดส่งต่อไปตรวจพิเศษที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเพิ่มเติม
“ตลอดห้วงเวลาดังกล่าวพลทหารรายนี้ไม่ได้เข้ารับการฝึกแต่อย่างใด และหน่วยฝึกได้จัดบัดดี้ให้คอยดูแลตลอดเวลา ทั้งการรับประทานอาหาร เข้าห้องน้ำ และการดำเนินชีวิตประจำวันอื่น ๆ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการรับส่งพาไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง นอกจากนี้ในระหว่างการตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมองเพื่อหาสาเหตุในการบกพร่องทางสายตา ได้ตรวจพบเนื้องอกขนาดเล็กในสมองอีกโรคหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนกระบวนการตรวจรักษาเช่นกัน ทางหน่วยฝึกกองทัพอากาศได้แจ้งรายละเอียดกับผู้ปกครอง (มารดา) แล้วก่อนหน้านี้ และผู้ปกครองได้รับทราบตกลงให้ทางหน่วยฝึกฯ เป็นผู้ดูแลขณะที่ทำการตรวจรักษา และรอการปลดประจำการซึ่งมีขั้นตอนทางกฎหมายที่จะต้องใช้เวลาดำเนินการพอสมควร”พล.อ.ต.ประภาส กล่าว
โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นข่าวที่เกิดขึ้น อาจเกิดจากความวิตกกังวลและไม่เข้าใจในกระบวนการต่าง ๆ ทั้งที่ทางหน่วยฝึก ได้ดูแลให้พลทหารได้เข้าถึงบริการทางการแพทย์และได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องมาตลอด ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องไปทำความเข้าใจกับผู้ปกครองและตัวพลทหารเพิ่มเติมแล้ว จากการตรวจสอบเรื่องการทำร้ายร่างกายนั้นทั้งจากครูฝึกและทหารกองประจำการในผลัดเดียวกัน กองทัพอากาศขอเรียนยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายร่างกายหรือการทำโทษพลทหารที่เกินกว่าเหตุแต่อย่างใด
“ขอเรียนเพิ่มเติมว่า ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตทหารกองประจำการ ด้วยการดูแลให้ได้รับสิทธิ สวัสดิการ รวมถึงปรับปรุงสภาพแวดล้อม ที่พักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น เพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน และสร้างแรงจูงใจให้เข้ารับราชการในกองทัพอากาศหลังจากปลดประจำการ”โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี