วันที่ 8 กรกฎาคม 2566 เวลา 13.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกุศล ทองสุข อายุ 79 ปี เครือข่ายชมรมตรังต้านโกง อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ได้นำพา นายณัฐ (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี ผู้เป็นพ่อของ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 7 ขวบ นักเรียนชั้น ป.1 ลูกสาว และ นางนา (นามสมมุติ) อายุ 61 ปี ยายของเด็ก 7 ขวบ พร้อมด้วยบรรดาญาติพี่น้อง เข้าเรียกร้องขอความเป็นธรรมผ่านผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง
ภายหลังจาก ด.ญ.เอ มีอาการปวดอวัยะเพศ และมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เคยเป็นอยู่ จนกระทั่งยายของเด็ก สังเกตพบความผิดปกติ จึงสอบถาม จนเด็กอ้างว่าถูก ด.ช.บี (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกัน บ้านห่างกันประมาณ 20 เมตร และเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน มีความสนิทสนมกันมาก ได้กระทำอนาจาร ละล่วงละเมิดทางเพศด้วยการใช้อวัยะวะเพศสอดใส่ มานานหลายครั้งและยังมีพฤติกรรมบังคับ ขู่เข็น ทุกครั้งที่ล่วงละเมิดจะใช้มือปิดปาก และสั่งห้ามไม่ให้นำเรื่องไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้หมดทุกคน โดยเหตุเกิดที่บ้านของ ด.ช.เอ ในพื้นที่ หมู่ 2 บ้านเสียมใหม ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง
ต่อมาวันที่ 16 ก.ค.66 ที่ผ่านมา หลังจากทางพ่อ และยายของเด็กทราบเรื่อง จึงได้เข้าไปพบ พ.ต.ท.ฉุกรี หมัดศรี สว.(สอบสวน) สภ.ปะเหลียน เพื่อตั้งใจเข้าแจ้งความดำเนินคดี และให้รับเลขคดี แต่ทางพนักงานสอบสวนเพียงแค่รับลงบันทึกประจำวัน พร้อมทั้งได้ทำหนังสือนำส่งตัวเด็ก มาที่ รพ.ปะเหลียน ต่อมาทางโรงพยาบาลได้ส่งตัวมาตรวจที่ รพ.ตรัง เพื่อให้ทางแพทย์ดำเนินการตรวจว่ามีร่องรอยถูกกระทำชำเราหรือไม่ และตรวจพบเชื้ออสุจิด้วยหรือไม่ แต่ทางรพ.ตรัง จะต้องนำผลตรวจส่งไปที่ รพ.สงขลานครินทร์ (มอ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อจะทราบผลอย่างแน่ชัดต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
นายณัฐ ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า ตอนแรกลูกสาวได้โทรหาตนให้มารับไปอยู่ที่อื่น พร้อมบอกว่าไม่อยากอยู่ใกล้ และเล่นกับ ด.ช.บี แล้วเนื่องจากชอบทำเจ็บๆ โดยความเป็นเด็กของลูกจึงไม่รู้และไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อไปรับจึงทราบว่าลูกสาวเจ็บอวัยะวะเพศ และบอกตนว่าถูก ด.ช.บี ล่วงละเมิดทางเพศครั้งล่าสุดเมื่อช่วงวันที่ 14 หรือ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงได้นำลูกเข้าพบพนักงานสอบสวน และนำไปตรวจร่างกาย แต่ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 1 เดือนแล้วก็ยังล้าไม่ทราบผล
นายณัฐ บอกอีกว่า ลูกสาวบอกว่า ครั้งล่าสุดถูก ด.ช.บี บีบคอ ปิดปาก ข่มขู่ว่าถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครๆจะฆ่า และเล่าว่าถูกจับตัวพลิกตะแคงคว่ำ และใช้อวัยะวะเพศชายใส่เข้าไปและเคยถูกทำแบบนี้มาก่อนหน้าแล้ว ซึ่งลูกก็บอกไม่ได้มาก ด้วยความที่เป็นเด็กไม่เข้าใจในเรื่องเช่นนี้ ทำให้สภาพจิตใจลูกย่ำแย่มาก ร้องไห้ ไม่ค่อยกินข้าว ไม่ร่าเริงเหมือนที่เคยเป็น ๆ เสียขวัญ และผวา พร้อมถามตนตลอดว่าเมื่อไร ด.ช.บี จะถูกจับ ในฐานะเป็นพ่อตนเสียใจสุดๆ เสียใจมาก ร้องจนไม่มีน้ำตาแล้ว หลังเกิดเรื่องตนจึงเลยต้องนำลูกย้ายไปอยู่โรงเรียนอื่นนอกพื้นที่ ซึ่งใครที่มีลูกก็รู้สึกเสียใจเหมือนตนหมด สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดมันก็เกิด
นายณัฐ บอกต่อไปว่า ตนได้เข้าไปโรงพักหวังแจ้งความและให้ทางตำรวจรับเลขคดี แต่พนักงานสอบสวนบอกว่าบันทึกประจำวันไว้ก่อน และรอผลตรวจร่างกาย พร้อมทั้งบอกว่าไม่สามารถเอาผิดกับเด็กได้ แต่ตนก็ไม่นึกว่าจะล่าช้ามาเกือบเดือนขนาดนี้ และล่าสุดวันที่ 5 ก.ค ที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวน ได้เรียกตนไปพบกับเด็กคู่กรณี และพ่อแม่ของเด็กคู่กรณี เพื่อให้ไกล่เกลี่ยกัน ส่วนตนนำลูกสาวไปด้วย โดยการนัดมาเผชิญหน้ากัน ปรากฏว่าเมื่อลูกสาวเห็นเด็กชายคู่กรณี และแม่คู่กรณีสอบถาม โดยใช้น้ำเสียงหนัก ลูกสาวตนจึงเกิดความกลัวขึ้นมาอีก และร้องไห้ ซึ่งการที่นัดไปเจอและสอบถามเด็ก ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพร่วมสอบแต่อย่างใด มีเพียงแค่พนักงานสอบสวนผู้หญิงเพียงคนเดียว
นายณัฐ เล่าอีกว่า วันนี้ยอมรับว่า ไม่มีหลักฐาน ต้องรอผลแพทย์ แต่ที่ได้มาร้องผ่านผู้สื่อข่าวกลัวจะไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะยังถูกฝ่ายคู่กรณีข่มขู่จะฟ้องกลับ หากตนไปแจ้งความ เพราะทำให้คู่กรณีเสียหาย ตนติดใจที่ทางพนักงานสอบสวนบอกว่า ไม่สามารถดำเนินคดีใดๆกับ ด.ช.บีได้ เนื่องจากเป็นเด็ก และอยากให้ไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งความตั้งใจตนอยากให้ตำรวจรับเลขคดี ดำเนินการไปตามขั้นตอนกฎหมาย และให้ทางโรงพยาบาลส่งผลตรวจมาให้เร็วกว่านี้ เพราะล่าช้ามาก และอยากให้เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาสอบปากคำเด็ก เพราะที่ผ่านมานัดไปเผชิญหน้ากันโดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพร่วมด้วย และอยากให้ตรวจดีเอ็นเอเด็กชายคู่กรณีด้วย ไม่ใช่ทำผิดขั้นตอนและหวังจะไกล่เกลี่ยเช่นนี้
ขณะที่ นางนา ยายของเด็กหญิง บอกทั้งน้ำตานองหน้าว่า เรื่องได้แดงขึ้นเพราะ หลานปวดฉี่ เมื่อพาไปฉี่ตนจึงล้างให้ แต่หลานบอกว่าแสบอวัยวะเพศ จึงถามว่าโดนอะไรมา หลานจึงบอกว่าไม่กล้าบอกเดี๋ยวจะถูกฆ่า ก่อนที่จะเค้นถามหลานจะยอมรับ พร้อมบอกว่าใครเป็นคนทำ ซึ่งหลานซึมไปมาก จากเด็กร่าเริง กลายเป็นเศร้าซึม และเมื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บางรายในพื้นที่ก็กลับถูกปฎิเสท ตนอายุมากแล้วมาเจอเรื่องนี้ เก็บความรู้สึกไว้ไม่อยู่เลย
ส่วน นายกุศล ทองสุข อายุ 79 ปี เครือข่ายชมรมตรังต้านโกง กล่าวว่า หลังจากญาติเด็กมาขอความช่วยเหลือ จึงได้สอบถามข้อมูล และนำพามาขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน เพราะจะได้เป็นกระบอกเสียงไปถึงหน่วยที่เกี่ยวข้อง และยังติดใจในประเด็นที่ตำรวจบอกญาติว่าไม่สามารถเอาผิดเด็ก 13 ปีได้ โดยในความเป็นจริงแล้วสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย เท่ากับว่าเป็นการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ จึงอยากให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบด้วย และการปฎิบัติเรื่องผลตรวจร่างกายก็ช้ามาก รวมทั้งสอบถามเด็กโดยไม่มีสหวิชาชีพ จึงอยากให้ คุณกัน จอมพลัง คุณปวีณา หงสกุล ที่เป็นที่เชื่อมั่นของญาติๆ หากทราบข่าวแล้ว วิงวอนช่วยเข้ามาดูแลช่วยเหลือด้วย.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี