รวบ‘ครูฟู่’ครูภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติ ใช้โปรไฟล์ดีตุ๋นเหยื่อ หาเงินเปย์แฟนหนุ่ม
14 กรกฎาคม 2566 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า เพจสืบนครบาล IDMB ลาดตระเวนออนไลน์พบภัยสังคมต่ออาชีพครู นักเรียน นักศึกษา โดยคนร้ายในนาม “สุนทรฟู่” หรือ “ครูฟู่” อดีตครู หลอกลวงกิจกรรมในแวดวงครู เช่น หลอกให้เช่าบ้านพักเพื่อทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนในต่างจังหวัด หรือหลอกให้เช่าห้องพักในงานรับปริญญา โดยอาศัยโปรไฟล์ในอดีตที่เคยเป็นครูดีเด่น สร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก
สืบเนื่องช่วงวันที่ 3-5 ก.พ.66 ที่ผ่านมา จะมีการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 70 ที่ จ.น่าน ทำให้หลายโรงเรียนในทุกภูมิภาค พากันหาจองห้องพักพานักเรียนไปร่วมกิจกรรมแข่งขัน “ครูฟู่” เห็นช่องทางดังกล่าว หลอกลวงเหล่าคุณครูที่ต้องการพาเด็กไปร่วมกิจกรรมนี้ที่ จ.น่าน โดยอ้างว่ามีที่พักให้เช่าเพื่อให้นักเรียนมาร่วมกิจกรรม โดย “ครูฟู่” อ้างโปรไฟล์ในอดีตของตนเองว่าเป็นครูดีเด่น และยังมีภาพถ่ายที่สวมเครื่องแบบชุดข้าราชการครู ทำให้เหยื่อต่างหลงเชื่อได้ง่าย การหลอกลวงลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายเสียทรัพย์สิน แต่เป็นการ “ตัดโอกาส” เหล่าเด็กๆที่จะไปร่วมทำกิจกรรมอีก มีผู้ตกเป็นเหยื่อของครูฟู่ทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 100 ราย ความเสียหายกว่าแสนบาท
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมนายวิวัฒน์ หรือ “ครูฟู่” อายุ 36 ปี อยู่ใน ซ.นวมินทร์ 90 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ คนร้ายที่ก่อเหตุตระเวนหลอกลวงผู้อื่นจนถูกแจ้งความดำเนินคดีมากมายจนถูกออกหมายจับ “ฉ้อโกงประชาชน” กว่า 4 หมายจับ ในพื้นที่ สน.บางยี่เรือ , สภ.บางม่วง , สภ.บ้านแพ้ว และ สน.วังทองหลาง
พฤติการณ์กล่าวคือ “ครูฟู่” อดีตครูสอนภาษาไทยโรงเรียนชื่อดังในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ จบการศึกษาชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และเข้ารับราชการขั้นได้รับรางวัลครูภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2560 แต่กลับดำดิ่งสู่การเป็นมิจฉาชีพ เนื่องจากติดการพนัน และนำเงินไปเปย์ให้กับแฟนหนุ่มที่เป็น LGBTQ กระทั่งปี 2563 ครูฟู่ก็ได้ถูกไล่ออกจากการเป็นข้าราชการครูในที่สุด
หลังจากพ้นจากหน้าที่รับราชการแล้ว ก็เดินสายหลอกลวงเต็มรูปแบบ โดยจะหลอกลวงลักษณะกิจกรรมในแวดวงครูเป็นหลัก เช่น หลอกให้เช่าบ้านพักเพื่อทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนในต่างจังหวัด หรือ หลอกให้เช่าห้องพักในงานรับปริญญา โดยครูฟู่อาศัยโปรไฟล์ในอดีตที่เคยเป็นครูดีเด่น สร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก โดยตั้งแต่ครูฟู่ออกจากราชการจนถึงปัจจุบันได้ตระเวนก่อเหตุลักษณะนี้มาโดยตลอด
อีกทั้งยังเดินสายหลอกนวดเสียว แนว LGBTQ+ ด้วย โดยสามารถหลบเลี่ยงการจับกุมอย่างไร้เงามาเป็นเวลาหลายปี ใช้ชีวิตเปลี่ยนถิ่นที่พักอาศัยทุก 2 สัปดาห์และไม่มีท่าทีจะหยุดหลอกลวงถือเป็นภัยสังคมต่อประชาชน ต่อคุณครู ต่อเด็กๆ กระทั่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมพบแผนประทุษกรรมสุดแสบของครูฟู่รายนี้ซึ่งตระเวนก่อเหตุมาจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายจับกว่า 4 หมายจับ ได้รายงานเรื่องนี้ถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้เร่งสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 สืบสวนติดตามจับกุมตัว
จากเบาะแสเดียวคือ “ครูฟู่ เป็น LGBTQ+” จึงต้องส่งมือดี แฝงตัวเข้าสู่วงการนวดของ LGBTQ+ เป็นเวลากว่า 1 เดือนจนได้เบาะแสว่าปัจจุบันครูฟู่กินอยู่กับแฟนหนุ่มละแวกพื้นที่ ซ.วัชรพล เขตรามอินทรา จ.กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ ออกจากห้องพักเพียงวันละ 1 ครั้ง หรือบางวันไม่ออกมาสู่โลกภายนอกเลย และมีพฤติกรรมหมกมุ่นอยู่กับการเล่นการพนันออนไลน์ปั่นสล็อต ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และไม่ทำงานทำการใดๆ ยังตระเวนหลอกลวงชาวบ้านอยู่เช่นเดิม จนเมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 พล.ต.ต.ธีรเดช นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุด PCT5 และสืบนครบาล นำกำลังเข้าจับกุมตัวครูฟู่ได้ได้ขณะที่กำลังจะย้ายถิ่นที่พักกับแฟนหนุ่ม LGBTQ+ สัญชาติลาว โดยจับกุมได้บริเวณแขวงท่าแร้ง เขตบางเขน จ.กรุงเทพฯ
นายวิวัฒน์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และได้เปิดเผยถึงความพลิกผันของชีวิตตนเองเพื่อเป็นอุทาหรณ์ โดยให้การว่า ตนเองจบชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 หลังจากเรียนจบก็ไปเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนชื่อดัง กระทั่งปี 2555 ตนเองสอบบรรจุครูได้ด้วยความสามารถจึงได้เป็นตำแหน่งหน้าห้องของ ผอ.โรงเรียน กระทั่งได้มีเรื่องของวงโยธวาธิต ที่มีการขอยืมเงินคุณตัน ทำให้มีเรื่องราวทำให้ตนได้ขอย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนอื่น ถือเป็นยุครุ่งเรืองที่สุด เพราะได้รับโอกาสได้เข้าไปช่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการด้วยอีกหน้าที่หนึ่ง ได้รับรางวัล ครูดีเด่นประจำปี และได้สมญานามว่า “สุนทรฟู่”
จนมาเมื่อปี 2563 โรงเรียนได้มีการเปลี่ยน ผอ. โรงเรียนและตนไม่ลงรอยกับผู้บังคับบัญชาคนใหม่ โดยทำงานหนักหลายหน้าที่จนป่วย กระทั่งฟางเส้นสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อตนเองมาทำงานไม่ไหวจากการป่วย ทำให้ตนตัดสินใจไม่ไปโรงเรียนอีก จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน ซึ่งช่วงนั้นติดแฟนหนุ่มซึ่งเจอกันจากที่จ้างมานวด LGBTQ+ รวมถึงติดการพนันด้วย จึงทำให้ชีวิตเริ่มเลวร้ายลง แรกๆยังมีเงินเก็บที่ยังเหลือก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ พอผ่านไปสักพักหนึ่งเงินเริ่มหมดก็เริ่มโทรไปขอยืมเงินจากนักเรียนและครูที่เคยรู้จัก
เหล่านักเรียนนั้นกตัญญูรักครูมากให้มาทีละ 1,000 บาท หรือ 2,000 บาท บางคนให้ถึง 4,000 บาท ก็มี ยอมรับว่ายืมเด็กๆแล้วไม่ได้คืน ส่วนเพื่อนครูนั้นตอนตนเองไปขอยืมเงินถูกเมินและทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน ทำให้เสียใจมากๆ หลังจากนั้นก็เริ่มเดินสายหลอกลวง โดยช่วงนั้นตนเองเล่นเฟซบุ๊กแล้วเห็นมีการหาที่พัก ตนจึงได้ไอเดียหลอกลวงด้วยการหลอกเอาเงินมัดจำที่พักจากเหยื่อ โดยลงมือทำเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน สร้างความเสียหายที่หลอกลวงมาแล้วหลายหมื่นบาท
ครูฟู่ ยอมรับว่า ทำไปเพราะ หิว ต้องการที่อยู่ รู้ว่าผิดสงสารเหยื่อด้วย และขอโทษทุกคน ขอโอกาสให้สังคมให้อภัย เกิดชาติหน้าฉันใดก็ขอให้ตนได้ชดใช้กรรม ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน หลังจากนี้ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่และขอใช้ความรู้ที่มีอยู่เพื่อสาธารณะประโยชน์ จะให้ไปเป็นอาสาสมัครสอนที่ไหนอย่างไรตนจะไม่คิดเงินเลย จะมุ่งทำประโยชน์ให้กับสังคม
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี