ประธานศาลฎีกาตรวจเยี่ยมศาลในจังหวัดชัยภูมิ พื้นที่ศาลยุติธรรมภาค 3 ชื่นชมการบริหารจัดการคดี ย้ำการตรวจเยี่ยมศาลในภูมิภาคคือการสร้างความรับรู้ ความเข้าใจในนโยบายรักศาล ร่วมใจ รับใช้ประชาชน พร้อมดูแลเร่งปรับปรุงอาคารศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิเพื่อยกระดับการให้บริการแก่ประชาชน

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา พร้อมคณะ และนายกีรติ วรพุทธพงศ์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 3 ร่วมกับคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิ ศาลจังหวัดชัยภูมิ และศาลจังหวัดภูเขียว โดยมีนางสาวสุกัญญา ตันวิเชียร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิ นายวิโรจน์ เกียรติสินทรัพย์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชัยภูมิ และนายพีระ พวงมาลา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเขียว พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ประธานศาลฎีกาได้ประชุมมอบนโยบายแก่คณะผู้พิพากษา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้ประนีประนอม ตลอดจนผู้พิพากษาสมทบ พร้อมทั้งรับฟังรายงานผลการดำเนินงานการปฏิบัติตามนโยบายประธานศาลฎีกา และแนวทางการปรับปรุงพัฒนาของศาล หลังจากนั้น ประธานศาลฎีกาได้ทักทาย พูดคุยและรับฟังปัญหาข้อขัดข้องจากคณะผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามส่วนงานต่าง ๆ รวมถึงให้กำลังใจในการปฏิบัติงานและขอให้ทุกคนมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ในการประชุมมอบนโยบาย ประธานศาลฎีกา กล่าวว่าวัตถุประสงค์ของการตรวจเยี่ยมศาลในภูมิภาคคือการสร้างความรับรู้ ความเข้าใจในนโยบายรักศาล ร่วมใจ รับใช้ประชาชน ซึ่งหากบุคลากรทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของภาระหน้าที่ของศาลยุติธรรม พิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมและรวดเร็ว เขียนคำพิพากษาที่มีเหตุผลชัดเจน ถูกต้องครบถ้วนทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ให้บริการประชาชนด้วยความเต็มใจและมีประสิทธิภาพ จะส่งผลให้ศาลยุติธรรมได้รับความเชื่อถือศรัทธาจากประชาชน ในส่วนศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิ นอกจากการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชน และการพิจารณาพิพากษาคดีอย่างรวดเร็วตามกฎหมายแล้ว การจัดทำโครงการสาธารณประโยชน์เพื่อประชาชนในพื้นที่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ศาลได้รับความยอมรับและเสียงชื่นชมจากประชาชน นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้สำนักงานศาลยุติธรรมเร่งปรับปรุงอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิเพื่อยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนต่อไป

สำหรับศาลจังหวัดชัยภูมิเป็นศาลที่มีอาคารที่ทำการที่มีความทันสมัย สวยงาม มีความพร้อมในการให้บริการประชาชน โดยเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาทั้งคดีศาลจังหวัดและคดีศาลแขวง ดังนั้น การวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบและการบริหารจัดการคดีตามแต่ละประเภทคดีจึงมีความสำคัญที่จะช่วยทำให้สามารถพิจารณาพิพากษาคดีได้อย่างรวดเร็ว ลดปริมาณคดีที่ค้างการพิจารณา และส่งผลให้ศาลจังหวัดชัยภูมิกลับสู่เกณฑ์มาตรฐาน (ศาลสีเขียว) ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพสังคมปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีการตรวจสอบการทำงานของศาลมากยิ่งขึ้นจากภาคส่วนต่างๆ ศาลยุติธรรมมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงองค์กรให้ทันสมัย เป็นไปในแนวทางที่เข้าใจประชาชนและทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนอย่างแท้จริง

ส่วนศาลจังหวัดภูเขียวเป็นศาลอำเภอที่มีปริมาณคดีค่อนข้างมาก แต่มีสถิติคดีเสร็จการพิจารณาค่อนข้างสูง แสดงให้เห็นว่าผู้พิพากษาหัวหน้าศาล คณะผู้พิพากษา และบุคลากรของศาลจังหวัดภูเขียวสามารถบริหารจัดการคดีได้ดีและมีประสิทธิภาพ แต่ในการลดปริมาณคดีที่คั่งค้างอยู่นั้น ระบบไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทเป็นกลไกที่สำคัญอย่างยิ่ง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลควรนำคดีเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ยให้ได้มากที่สุด สถิติความสำเร็จในการไกล่เกลี่ยไม่สำคัญเท่ากับสถิติการนำคดีเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ย ผู้ประนีประนอมประจำศาลต่างเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและเป็นคนท้องถิ่นซึ่งคุ้นเคยกับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลพึงใช้ศักยภาพดังกล่าวของผู้ประนีประนอมเพื่อระงับข้อพิพาทให้เสร็จไปด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม การจัดโครงการสัปดาห์ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทก็เป็นวิธีที่ลดปริมาณคดีจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วอีกประการหนึ่ง นอกจากนั้น ประธานศาลฎีกากล่าวชื่นชมและขอบคุณบุคลากรของศาลจังหวัดภูเขียวทุกภาคส่วนที่มุ่งมั่น ทุ่มเท ร่วมแรงร่วมใจ พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเพื่อให้ศาลจังหวัดภูเขียวเป็นที่พึ่งของสังคมอย่างแท้จริง

หลังจากนั้น ประธานศาลฎีกาเดินทางไปเยี่ยมชมอาคารศาลจังหวัดภูเขียวหลังเก่า โดยอาคารหลังนี้เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2484 ดำเนินการก่อสร้างเสร็จและเปิดทำการในวันที่ 28 มิถุนายน 2585 ปัจจุบันได้ถูกปรับปรุงให้เป็น “พิพิธภัณฑ์และหอสมุดศาลจังหวัดภูเขียว”