‘โฆษกศาล’เปิดข้อบังคับใหม่‘ประธานศาลฎีกา’ เปิดช่องทางประกันตัวผู้ต้องหา-จำเลยด้วย‘เหตุพิเศษ’ เป็น‘เยาวชน-หญิงมีครรภ์-ป่วยหนัก’ให้ศาลใช้ดุลพินิจไม่ต้องออกหมายขัง หากไม่จำเป็น ยืนยันมีหลักเกณฑ์คุ้มครองสังคมไปด้วย
2 มิถุนายน 2568 นายรัฐวิชญ์ อริยพัชญ์พล โฆษกศาลยุติธรรมให้ความเห็นกรณีราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวและวิธีเรียกประกันในคดีอาญา ฉบับที่ 2 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุด ว่าข้อบังคับดังกล่าวมีการเผยเเพร่เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมเเละให้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งข้อบังคับนี้มีประเด็นสำคัญเเละความพิเศษคือ เปิดทาง ปล่อยตัวผู้ตองหา หรือจำเลยโดยไม่ต้องประกันตัวหากมีเหตุพิเศษ เเละให้เน้นความยืดหยุ่นตามพฤติการณ์
ข้อบังคับฉบับนี้ สร้างความชัดเจนเกี่ยวกับพฤติการณ์ที่ให้ศาลสามารถปล่อยตัวผู้ต้องหา หรือจำเลยได้ตามกฎหมายโดยไม่ต้องใช้เงินสดหรือหลักทรัพย์ หากเข้าข่ายมี “เหตุพิเศษ” เช่นเป็นเยาวชน หญิงมีครรภ์ หรือป่วยรุนแรงถึงขั้นอันตรายต่อชีวิต หรือความเสี่ยงที่จะหลบหนีหมดไปแล้ว และยังให้ศาล สามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการควบคุมกำกับได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเพิ่มความเข้มงวด หรือผ่อนปรนให้เบาลง – รวมถึงการเปลี่ยนแปลงประเภทของสัญญาประกันหรือหลักทรัพย์ได้ตามพฤติการณ์ไม่ว่าคดีอยู่ในชั้นศาลใดซึ่งจะสร้างความเเตกต่างจากเดิมคือการปล่อยตัวชั่วคราวมักถูกเข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับความน่าเชื่อถือของหลักประกันหรือเงิน แต่ข้อบังคับนี้สร้างความชัดเจนการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยได้ตามกฎหมายโดยไม่ต้องใช้เงิน หากเข้าข่ายมีเหตุดังที่กล่าวไว้
ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวแล้ว แต่ต่อมาถอนประกัน หรือผู้ต้องหาขอยกเลิกการประกัน ซึ่งที่ผ่านมาหากผู้ต้องหาหรือจำเลยหาประกันใหม่ไม่ได้ ก็จะไม่ขอประกันทำให้ต้องกลับไปถูกขัง แต่ข้อบังคับใหม่นี้ก็ได้คลี่คลายปัญหา เพราะให้ศาลมีดุลพินิจที่จะสั่งประกันต่อได้แม้ไม่สามารถหาหลักประกันหรือเงินสดมายื่น ถ้าพบว่าระหว่างที่เคยได้ประกันตัว ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี โดยให้ศาลใช้มาตรการควบคุมอื่นแทน การเรียกประกัน เช่น สั่งรายงานตัว ห้ามออกนอกพื้นที่ หรือตั้งผู้กำกับดูแล
“มาตรการใหม่ตามข้อบังคับนี้สะท้อนถึงแนวทางการพิจารณาการประกันตัวและเรียกประกันของศาลยุติธรรมที่เน้นสร้างสมดุลระหว่างสิทธิผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา กับ ความปลอดภัยของสังคม เปิดช่องให้ศาลใช้ดุลพินิจตามข้อเท็จจริงด้วยความยืดหยุ่น โดยยึดหลักการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามหลักสากล โดยแนวคิดหลักคือการลดความสำคัญของหลักประกันที่เป็นตัวเงิน” นายรัฐวิชญ์ ระบุ
โฆษกศาลยุติธรรม ระบุว่า ข้อบังคับนี้ต่อไปในทางปฏิบัติสิ่งที่จะเห็นได้ชัดเจนคือการลดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม เพราะผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ไม่สามารถหาตัวเงินมาวางได้ ก็จะมีโอกาสได้รับการประกันตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องของการลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม และยังเป็นการบูรณาการการพิจารณาการคุมขังและการปล่อยชั่วคราวเข้าด้วยกัน หมายความว่าเมื่อมีการขอหมายขัง ศาลก็จะพิจารณาถึงความจำเป็นในการคุมขัง และความเสี่ยงในการปล่อยชั่วคราว พร้อมทั้งมาตรการป้องกันการหลบหนีและดูแลความปลอดภัยของสังคมไปพร้อมๆกัน
“และถ้าหากศาลเห็นว่าไม่จำเป็นต้องคุมขังศาลก็ จะไม่ออกหมายขังเลย หรือหากศาลเห็นว่ามีเหตุให้คุมขังแต่สามารถปล่อยชั่วคราวได้ ก็อาจจะสั่ง ปล่อยชั่วคราวโดยไม่ต้องรอให้มีการยื่นคำร้องขอประกันตัวแยกต่างหาก”
ทั้งนี้ถือเป็นการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนในการพิจารณาเพิ่มความรวดเร็วในการบริการประชาชน ซึ่งมาตรการนี้ใช้ในทุกชั้นศาล ไม่ว่าจะเป็นในชั้นฝากขัง ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ หรือแม้แต่ ศาลฎีกา และศาลชั้นต้นก็ยังมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงหรือเพิกถอนคำสั่งปล่อยชั่วคราวได้ ด้วย หากพฤติการณ์ของผู้ต้องหาหรือจำเลยเปลี่ยนแปลงไป
ส่วนเรื่องการคุ้มครองสังคมก็ยังเป็นสิ่งที่ศาลให้ความสำคัญ เนื่องจากการเปิดให้ศาลใช้ดุลพินิจในการพิจารณาประกันมากขึ้นจะต้องไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสังคมหรือผู้เกี่ยวข้องในคดี ยืนยันว่าข้อบังคับนี้ไม่ได้อนุญาตให้ใช้ดุลพินิจโดยปราศจากหลักเกณฑ์ แต่ได้วางกรอบพิจารณาไว้ชัดเจน อาทิ การใช้ระบบ ประเมินความเสี่ยง หลักความได้สัดส่วน และการพิจารณาเป็นรายบุคคลและรายคดีอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งศาลต้องชั่งน้ำหนักระหว่าง ความจำเป็นในการป้องกันความเสียหาย กับการไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพเกินจำเป็น โดยคำนึงถึงพฤติการณ์เฉพาะของแต่ละบุคคล เพื่อให้ดุลยพินิจนั้นมีความเหมาะสมและเป็นธรรม แนวทางนี้ถือว่าช่วยให้ผู้พิพากษาสามารถตัดสินใจได้ด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีหลักฐานเชิงประเมินรองรับอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่การตัดสินใจจากความรู้สึกส่วนตัว จึงเชื่อมั่นว่าระบบใหม่นี้ สามารถคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหา ไปพร้อมกับ รักษาความปลอดภัยของสังคมในภาพรวม ได้อย่างมีดุลยภาพมากยิ่งขึ้น
“มาตรการใหม่ตามข้อบังคับนี้ สะท้อนถึง แนวทางการพิจารณาการปล่อยชั่วคราวและเรียกประกันของศาลยุติธรรมที่เน้นสร้างสมดุลระหว่างสิทธิผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา กับความปลอดภัยของสังคม เปิดช่องให้ศาลใช้ดุลพินิจตามข้อเท็จจริงด้วยความยืดหยุ่น โดยยึดหลักการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามหลักสากล” โฆษกศาลยุติธรรม ระบุ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี