อุตุฯเตือนฝนถล่มไทยหนัก
ฤทธิ์พายุ‘ตาลิม’
18-19ก.ค.ลุ้นนาท่วมฉับพลัน
อีสาน/ตะวันออกเสี่ยงที่สุด
‘บิ๊กตู่’สั่งเร่งสำรวจคูคลอง
เพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำ
กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนระวังพายุโซนร้อน “ตาลิม” ทำฝนถล่มไทยหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน เผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสานและภาคตะวันออก เตือนทั่วไทยเฝ้าระวังฝนถล่ม 18-19 ก.ค.นี้ รัฐบาลเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของทางน้ำ เร่งสำรวจสิ่งกีดขวางทางน้ำในแม่น้ำท่าจีน รับมือฝนตกหนักช่วงฤดูฝนเดือนสิงหาคมนี้
วันที่ 15 กรกฎาคม 2566 กรมอุตุนิยมวิทยาอัปเดตเส้นทางพายุเช้าวันนี้ว่า พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน (ข้อมูลจาก RSMC โตเกียว ญี่ปุ่น) คาดว่าจะทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อนได้ในวันที่ 15/7/66 (หากเป็นพายุโซนร้อน จะได้ชื่อว่า “ตาลิม (TALIM) หมายถึง คม คมมีด” ตั้งชื่อโดยประเทศฟิลิปปินส์) เมื่อยังอยู่ในทะเล คาดว่าจะเคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือไปทางเกาะไหลหลำ ประเทศจีน และจะขึ้นฝั่งรอยต่อระหว่างประเทศจีนตอนใต้และเวียดนามตอนบน หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณ สปป.ลาว และอาจจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ บริเวณ จ.น่าน และภาคเหนือของไทย ซึ่งตามแนวเส้นทางของพายุฯ จะส่งผลทให้ ภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน (เลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี หนองบัวลำภู หนองคาย) มีฝนตกหนัก ได้ และอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้ ต้องเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิด
นอกจากติดตามพายุแล้วยังต้องตามมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ วันนี้เริ่มมีกำลังแรงขึ้น และร่องมรสุม (ร่องความกดอากาศต่ำ)เลื่อนลงมาพาดผ่านประเทศไทยตอนบน จึงทำให้ในสัปดาห์หน้านี้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น ช่วงที่ฝนตกเตรียมตัวรับมือทั้งฝนตกหนัก และฝนสะสม ต้องระวัง และเป็นโอกาสดีที่จะได้สำรองน้ำฝนไว้ใช้
กรมอุตุนิยมวิทยา เผยมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อม ความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 16-20 ก.ค. 66 พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำเข้าสู่ประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 18-19 ก.ค. 66 นี้
ส่วนร่องมรสุมกำลังแรงจะพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบนของประเทศ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามการขับเคลื่อนมาตรการที่ 7 เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของทางน้ำ ตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2566 ในพื้นที่แม่น้ำท่าจีน ซึ่งกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมเจ้าท่า และกรมชลประทาน เดินหน้าขับเคลื่อนอย่างจริงจังตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 พ.ค.2566 ได้มีมติเห็นชอบมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2566 ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เสนอ เรียบร้อยแล้ว
นางสาวรัชดา กล่าวย้ำถึงมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2566 ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบว่า ที่ประชุม กนช. ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดจัดทำแผนปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องอย่างเคร่งครัด เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่ง กอนช. ได้ติดตามฝนคาดการณ์ระบบ ONEMAP พบว่า ในช่วงเดือน ส.ค.นี้ จะมีปริมาณฝนตกเพิ่มมากขึ้น และได้ออกประกาศ กอนช. ฉบับที่ 9/2566 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ช่วงวันที่ 15-20 ก.ค.นี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการรับมือสถานการณ์ดังกล่าวให้เป็นไปตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2566 และนโยบายรัฐบาล กอนช. จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมาเ พื่อติดตามการขับเคลื่อนมาตรการรับมือฤดูฝนในมาตรการที่ 7 เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของทางน้ำ โดยการลงเรือและบินโดรนสำรวจวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำบริเวณแม่น้ำท่าจีน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี