ตำรวจไซเบอร์เผย 5 รูปแบบมิจฉาชีพออนไลน์หลอกเหยื่อ “ซื้อ-ขายสินค้า”มาอันดับ 1 พบผู้เสียหายแจ้งความกว่าแสนครั้ง แนะ 6 ข้อเตือนสติประชาชนป้องกันตนเอง
วันที่ 16 ก.ค. 2566 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รอง ผบก.ปอท.) ฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลสถิติศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2565 ถึงวันที่ 28 มิ.ย.2566 พบว่า สถิติคดีอาชญากรรมออนไลน์ที่คนไทยตกเป็นเหยื่อสูงที่สุด 5 อันดับแรก
ได้แก่ 1.หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 108,383ครั้ง 2.หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน 38,669 ครั้ง 3.หลอกให้กู้เงิน 35,121 ครั้ง 4.หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 23,545ครั้งและ5.ข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center) 21,482 ครั้ง โดยรูปแบบคดีออนไลน์ที่มีมูลค่าความเสียหายสูงที่สุด คือหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 11,500 ล้านบาท
“คาดการณ์ว่าสถานการณ์คดีอาชญากรรมออนไลน์ในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ยังไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากครึ่งปีแรกโดยเฉพาะ 5 อันดับคดีดังกล่าวข้างต้นแต่มิจฉาชีพอาจปรับรูปแบบวิธีการที่สำคัญคือจะเพิ่มการเข้าถึงเหยื่อมากขึ้น เช่นการส่งข้อความสั้น (SMS.) , การโทรศัพท์หาเหยื่อ การโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ” พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าว
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ขอเตือนประชาชนให้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับรูปแบบการหลอกลวงทางออนไลน์ และวิธีการป้องกันตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพราะกลุ่มอาชญากรมักจะมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการหลอกลวงอยู่ตลอดเวลา โดยขอนำเสนอวิธีการเบื้องต้นในการป้องกันตนเองจากภัยออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 1.วิธีการที่อาจจะสุดโต่งแต่ได้ผลมากที่สุด คือการคิดอยู่เสมอว่าทุกคนบนโลกออนไลน์ที่ไม่รู้จักตัวจริงอาจเป็นคนไม่ดี พร้อมที่จะหลอกลวงเราอยู่เสมอ
ต้องไม่หลงเชื่อกดลิงก์ โอนเงิน หรือส่งข้อมูลเอกสารส่วนบุคคล ภาพหรือคลิปที่ไม่เหมาะสมของตนเองทางสื่อสังคมออนไลน์ทุกช่องทาง 2.อย่าหลงใหลกับสิ่งที่เห็นบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าคนที่จะขอเป็นเพื่อน จะมีรูปโปรไฟล์ สวย หล่อ รวยหรือถูกใจเราเพียงใด เพราะอาจไม่เป็นความจริง หรือเป็นรูปหรือภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้นมาก็ได้ 3.เงินที่อยู่ในบัญชีของเรา ตราบใดก็ยังคงเป็นเงินของเรา จนกว่าเราจะโอนให้บุคคลอื่น
ดังนั้นจึงต้องไม่หลงเชื่อโอนเงินให้กับบุคคลที่อ้างว่าต้องการตรวจสอบเงินในบัญชี หรือโอนเงินให้กับร้านค้าต่างๆ โดยไม่ตรวจสอบข้อมูลบัญชีปลายทางก่อน 4.ลิงก์บนเว็บไซต์ หรือลิงก์ที่ส่งข้อความมาให้ทางช่องทางต่างๆ จะต้องระมัดระวัง และตรวจสอบก่อนที่จะกดลิงก์ หรือติดตั้งแอพพลิเคชั่นทุกครั้งว่าลิงก์หรือแอพพลิเคชั่นดังกล่าวเป็นของหน่วยงาน องค์กร หรือบริษัท ตามที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่
5.การชักชวนลงทุน หรือการชักชวนไปสัมมนาออนไลน์ ในลักษณะอ้างเป็นไลฟ์โค้ช อาจารย์ กูรู ที่แนะนำช่องทางในการลงทุนที่สามารถได้รับผลตอบแทนสูง ในระยะเวลาอันสั้น ให้พึงระมัดระวังและตรวจสอบข้อมูลก่อนเสมอ เพราะเป็นไปได้น้อยที่จะมีบุคคลที่สละเวลามาชักชวนเรา โดยที่ไม่ได้รับประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งจากเรานอกจากนี้มิจฉาชีพยังปลอมเว็บไซต์การลงทุนให้ดูเสมือนจริงมาก
เช่น มีข้อมูลกราฟสถิติการลงทุน การแสดงผลกำไร ขาดทุน ฯลฯ จนเหยื่อหลงเข้าใจว่าเป็นเว็บไซต์การลงทุนจริงๆ แล้วโอนเงินเข้าไปลงทุน และ 6.อย่าเชื่อข่าวที่ไม่มีหลักฐานอ้างอิง เพราะปัจจุบันข่าวปลอมสามารถสร้างขึ้นได้เพียงปลายนิ้วโดยใช้คนหรือเทคโนโลยี (AI) ในการสร้างขึ้น ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบความถูกต้องของข่าวต่างๆ ได้ที่ www.antifakenewscenter.com หรือเว็บไซต์หลักของสำนักข่าวต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือ
“หากประชาชนสามารถทำตามที่กล่าวมาได้ก็จะเป็นการตัดโอกาสที่ท่านจะตกเป็นเหยื่อของอาชญากร ที่หลอกลวงแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบทางออนไลน์ หากพี่น้องประชาชนท่านใด ได้รับความเสียหาย หรือพบเห็นการกระทำในลักษณะที่เป็นการหลอกลวงทางออนไลน์ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ หรือแจ้งความออนไลน์ได้ด้วยตนเองที่เว็บไซต์ https://www.thaipoliceonline.com ตลอด 24 ชั่วโมง” รอง ผบก.ปอท. กล่าวในตอนท้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี