กรมอุตุฯเตือนฝนถล่มหนัก 53 จังหวัด เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าหลาก จ.ระนอง ถนนเพชรเกษมขึ้น-ล่อง ถูกตัดขาด น้ำท่วมขยายวงกว้างกระทบ 5 อำเภอ เดือดร้อน 1,644 คน จ.พังงา พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม 8 อำเภอ
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 น.ส.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาฉบับที่ 19 เรื่อง พายุ ‘ตาลิม’(TALIM) ว่าเมื่อเวลา 07.00 น. พายุดีเปรสชั่น ‘ตาลิม’ (TALIM) บริเวณเมืองเตวียนกวง ประเทศเวียดนาม มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ มีแนวโน้มจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในระยะต่อไป
อนึ่ง ช่วงวันที่ 19-20 กรกฎาคม 2566 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทย รวม 53 จังหวัด มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ระนอง พ.อ.ภูมิพัฒน์ บุญเรืองขาว ผบ.ฉก.ร.25 กองกำลังเทพสตรี รับรายงานสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำป่าหลากในหลายตำบลของ อ.กระบุรี จ.ระนอง จึงสั่งการให้ กองร้อย ร.2521 ออกช่วยเหลือประชาชนโดยฝ่าน้ำบริเวณถนนเพชรเกษม ช่วงบ้านหัวถนน ต.น้ำจืด อ.กระบุรี จ.ระนอง ซึ่งถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 สายหลัก ถูกดขาด รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ เป็นระยะทางร่วม 100 เมตร โดยระดับน้ำสูงขึ้นเกือบ 1 เมตร จึงต้องอพยพประชาชนจากบ้านเรือนนับร้อยหลัง ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย รวมทั้งสัตว์เลี้ยงในพื้นที่เสี่ยง
ส่วนพื้นที่ริมเชิงเขา ต้นน้ำคลองสองแพรก น้ำป่าได้ทะลักเข้าท่วมชุมชนข้างโรงเรียนบ้านสองแพรก หมู่ 7และหมู่ 10 ต.ลำเลียง ระดับน้ำสูงเกือบ 1 เมตร ชาวบ้านได้ย้ายของขึ้นที่สูง และเตรียมอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย ทั้งนี้ ฝ่ายปกครอง อ.กระบุรี ได้ขอให้ประชาชนอยู่ในที่สูง เนื่องจากน้ำป่าบางจุดยังไหลแรง พร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที
สรุปสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่อง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ดินเลื่อนไหล และลมกระโชกแรง ในพื้นที่ จ.ระนอง มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ 25 ตำบล 82 หมู่บ้าน 1,644 คน ดังนี้ 1.อ.เมือง ได้รับผลกระทบ 8 ตำบล 39 หมู่บ้าน 90 ครัวเรือน 334 คน 2.อ.กะเปอร์ ได้รับผลกระทบ 3 ตำบล 13 หมู่บ้าน 53 ครัวเรือน 110 คน 3.อ.ละอุ่น ได้รับผลกระทบ 7 ตำบล 17 หมู่บ้าน 37 ครัวเรือน 4.อ.สุขสำราญ ได้รับผลกระทบ 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน 8 ครัวเรือน 5.อ.กระบุรี ได้รับผลกระทบ 6 ตำบล 25 หมู่บ้าน 230 ครัวเรือน 1,200 คน อย่างไรก็ดี แนวโน้มสถานการณ์ พบว่าปริมาณฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกและลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ ทางจังหวัดจึงยังเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องมือ อุปกรณ์ ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง
ที่ จ.พังงา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากอิทธิพลพายุตาลิม ส่งผลให้มีฝนตกติดต่อกันหลายวัน ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักที่ไหลลงสู่ทะเลมีสีขุ่นเหลือง และมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ส่วนบริเวณชายหาดเขาหลัก ชายหาดบางเนียง พบว่าคลื่นมีกำลังแรง ความสูง 2-3 เมตร บรรยากาศที่ชายหาดเป็นไปด้วยความเงียบเหงา เนื่องจากนักท่องเที่ยวหันไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำแทนการลงเล่นน้ำทะเล ขณะนี้ทางจังหวัดได้ส่งหนังสือไปยังทุกอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณภัย ให้ติดตามสภาพอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังและดินโคลนถล่ม อย่างใกล้ชิด รวมทั้งเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนัก มีฝนสะสมที่อาจทำให้เกิดอุทกภัยใน 8 อำเภอ
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีฝนตกหนักมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัย ให้อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณภัย ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน นายสงบ สะโตน ปภ.พังงา สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่
ที่ จ.ตรัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเกิดพายุลมแรงและมีฝนตกหนัก ได้ส่งผลให้ต้นไทรขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปี ล้มทับบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 หลังคาเรือน มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ในบ้านในชุมชนตรอกลิเก เขตเทศบาลเมืองกันตัง ซึ่งทางหน่วยกู้ภัย ได้เร่งเข้าช่วยเหลือนางถาวร สังข์ทอง อายุ 78 ปี ผู้ป่วยติดเตียง หนึ่งในผู้ประสบเหตุที่บ้านเลขที่ 40/18 ถนนรถไฟ องกันตัง พร้อมทั้งสามีและลูกสาว แล้ว
ขณะที่บ้านหลังติดกัน เลขที่ 9801 ซึ่งเป็นบ้านพระราชทาน ได้รับความเสียหาย มีผู้ติดอยู่ภายในได้รับบาดเจ็บเป็นยายวัย 70 ปี และหลานสาว อายุ 25 ปี โดยถูกซากบ้านกระแทกศีรษะ ทางกู้ภัยได้ช่วยเหลือนำตัวส่งไปรักษาที่ รพ.กันตัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี