วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ที่ เดอะล็อปบี้ โรงแรมเดวิส สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน เปิดแถลงข่าวประเด็น “ทำไมทักษิณถึงกลับบ้าน” ว่า ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ฝ่ายที่เรียกว่าฝ่ายประชาธิปไตย ชนะฝ่ายที่เรียกว่าฝ่ายเผด็จการแล้ว ระหว่าง 312 เสียง กับ 188 เสียง โดยฝ่ายที่เรียกว่าฝ่ายประชาธิปไตยก็มีการทำ MOU ซึ่งตนก็ขอไม่เอ่ยชื่อ ว่าคนที่ไปจับมือทำ MOU ในวันนั้นไม่เชื่อว่า MOU จะใช้ได้จริง โดยสรุปคือ MOU น่าจะล่มตั้งแต่วันแรกแล้ว
เช่น กรณี น.ต.ศิธา ทิวารี พูดเรื่อง Advance MOU ส่วนตนก็พูดเรื่องดีลลับ รวมถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็พูดทำนองเดียวกัน แต่เรื่องแบบนี้ด้อมส้มหรือคนทั่วไปฟังแล้วก็มาตำหนิ เพราะถ้าไม่ใช่เซียนก็ดูไม่ออก แต่รอยร้าวนั้นเริ่มเห็นได้ตั้งแต่การเลือกประธานสภาที่ต้องหาคนมาเป็นคนกลาง จากนั้นโหวตนายากรัฐมนตรีก็โหวตไมได้ และต้องเลื่อนการโหวตออกไป จากนั้นเมื่อพรรคก้าวไกลยกให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยก็ชวนพรรคการเมืองขั้วตรงข้ามมาพูดคุยกัน แต่เมื่อกระแสไม่ดีทุกอย่างก็เงียบสงบ แล้วก็นำไปสู่การตกลงกันที่เรียกว่าซูเปอร์ดีล
โดยเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2566 เวลา 15.00 น. ที่โรงแรมเพนินซูลา ในย่านเกาลูนของฮ่องกง มีแกนนำทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นๆ รวมถึงทหารและนายทุนเดินทางไปเจรจาจับนายทักษิณ ชินวัตร เพราะพรรคเพื่อไทยอยู่ตรงกลางระหว่างพรรคก้าวไกลกับกลุ่มการเมืองอีกขั้ว ซึ่งพรรคก้าวไกลก็เป็นที่ทราบอยู่แล้วว่ามีเรื่องราวมากมายที่ทำให้ไม่สามารถข้ามขั้วได้ แต่พรรคเพื่อไทย หรือเรียกอีกอย่างว่าขั้วสีแดง สามารถข้ามไปผสมกับอีกฝ่ายที่เรียกว่าขั้วสีเหลืองได้ เพื่อล้มพรรคก้าวไกลหรือขั้วสีส้ม เพราะแดงผสมกับส้มแล้วล้มเหลืองไม่ลง แต่ส้มกับเหลืองก็ผสมกันไม่ได้
ทั้งนี้ ในการโหวตนายกฯ ครั้งต่อไป ตนเชื่อว่าจะเป็นการโหวตลวงหรือโหวตทดลอง คือให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลไปต่อไม่ไหวจริงๆ โดยมีตัวหลอกขึ้นมา แต่มีก้าวไกลอยู่ก็โหวตไม่ผ่าน ส่วนเหตุผลที่ต้องมีซูเปอร์ดีลเพราะเมื่อนายทักษิณกลับประเทศไทย ตนอาจจะพูดลึกไปอีกนิด หากไม่ปล่อยมาจะไม่ทำดีลนี้ คนอื่นอาจมองว่าเป็นตัวประกัน แต่ตนมองว่าเป็นคนคุมเกม
“การกลับมา กลับได้เวลา เป็นร้อยเป็นพัน เวลาไหนคุณไม่กลับ มากลับเวลาไคลแม็กซ์ แต่ไม่ว่า เพราะผมไม่ได้ตำหนิ ผมกำลังพูดความเชื่อ และความเชื่อของผมนั้นก็ถูกต้องมาโดนตลอด แม้ว่าผมจะโดนด่าจากใครบางคน แต่ผมบอกว่าสิ่งที่ผมพูดเพราะอยากให้ประชาชนฉลาด สิ่งที่มีมาแต่ต้นผมก็เติอนแล้ว ประธานสภาก็แพ้ นายกฯ ก็แพ้ รัฐบาลก็ไม่ได้เป็น ผู้นำฝ่ายค้านก็จะไม่ได้เป็น และกระบวนการทั้งหมดมันจะทิ่มไปสู่ที่การยุบพรรค” นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ กล่าวต่อไปว่า ยกตัวอย่างสูตรผสมข้ามขั้วเมื่อแยกพรรคก้าวไกลออกไปแล้ว จะมีพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย เป็น 3 พรรคแกนหลักฝ่ายรัฐบาล และพรรคอื่นๆ ทั้งหมด 279 เสียง โดยชู ‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคฝ่ายค้านประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาธิปัตย์ ไปเป็นแกนหลักของฝ่ายค้าน จำนวน 221 เสียง แต่ดีลนี้จะเกิดขึ้นได้ นายทักษิณต้องกลับมาประเทศไทยก่อน เพราะนายทักษิณมีความสำคัญในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณ และมีส่วนสำคัญกับการเจรจาดังที่ตนได้กล่าวไปแล้ว ซึ่งสูตรนี้แม้พรรคก้าวไกลจะไม่โหวตเลือกเพราะจุดยืนมีเราไม่มีลูง แต่เชื่อว่าสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จะเริ่มหันมาโหวตให้
ทั้งนี้ แผนการแยกพรรคเก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยออกจากกัน เพราะในเมื่อทั้งคู่ซึ่งเป็นพรรคที่ได้ที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) อันดับ 1 และอันดับ 2 ตามลำดับ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาล ก็จะเป็นโอกาสของพรรคอันดับ 3 คือพรรคภูมิใจไทย ซึ่งน่าจะตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เพราะพรรคภูมิใจไทยจะกลายเป็นเจ้าบ้านและมีสิทธิ์เชิญพรรคใดมาร่วมรัฐบาลก็ได้ ดังนั้นพรรคภูมิใจไทยก็จะสามารถเชิญพรรคเพื่อไทยแต่ไม่เชิญพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาล เพราะเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยพูดเองไมได้ แต่พรรคภูมิใจไทยพูดชัดแต่ต้นแล้วว่าไม่เอาพรรคก้าวไกล
“สูตรนี้ผมมั่นใจว่าจะทำการสำเร็จ แต่เป็นสูตรที่ผมเรียกว่าปล้นคะแนนประชาชน การใช้วิธีนี้ การยืมมือยืมปากพรรคภูมิใจไทย มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ตัวนั้นยังไม่ต้องคุยเพราะมันจะยืดเยื้อ แต่วันนี้ผมพูดในสถานะที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา มันไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกตั้ง เมื่อคุณเลือกตั้งมาแล้วคุณไม่ได้กระทำการตามที่คุณสัญญา” นายชูวิทย์ ระบุ
นายชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า การที่นายทักษิณกลับมาประเทศไทยมีความหมายคือการทำตามสัญญา กลับมาแล้วถ้าออกไม่ได้ดีลนี้ก็ไม่เกิด หลายคนอาจจะถามว่าจะออกจากคุกได้อย่างไร ในฐานะที่ตนเคยติดคุกมาก่อน นายทักษิณอายุ 74 ปี ซึ่งผู้ต้องขังที่อายุเกิน 70 ปี ถือว่าเป็นผู้สูงอายุ และตามระเบียบแล้วสามารถขอยื่นพระราชทานอภัยโทษได้ทันทีแม้จะเพิ่งเข้าคุกเพียงวันแรกก็ตาม
นอกจากนั้น ผู้ต้องขังที่อายุ 70 ปีขึ้นไป ให้สังเกตดูได้ทั่วๆ ไป โดยมากก็มักจะติดไม่นาน ทั้งนี้ หากเป็นผู้ต้องขังทั่วไป จะมีการปรับเลื่อนชั้นนักโทษทุกๆ 6 เดือน และเมื่อใดที่สามารถเลื่อนชั้นไปถึงการเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ก็จะได้รับการลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เช่น หากต้องติดคุก 50 ปี ก็จะเหลือ 25 ปี แล้วก็วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ และนอกจากชั้นของโทษแล้ว อายุก็เป็นอีกเกณฑ์หนึ่งที่ถูกนำมาพิจารณาด้วย หรืออาจมีเงื่อนไขให้ใส่กำไล EM ไม่นั่งอยู่ที่บ้านก็ได้
“เรื่องนี้ก็ปล่อยไปเรื่องหนึ่ง อย่าไปคิดเป็นสาระ สิ่งที่ผมพูดไปครอบคลุมไปก่อน เพื่อให้เห็นแนวทางของการเมืองที่นิ่งสงบ ทุกวันนี้มันมีเจรจาซูเปอร์ดีลจบ มีการเจรจาที่มูลนิธิรอยต่อจบ และมีการแบ่งปันกันจบ ทันทีทันใดที่มึการโหวตเลือกนายกฯ ครม. จะโป้งทันที ไม่มีช้า เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้ว” นายชูวิทย์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี