เจอเบาะแส‘รปภ.ปืนโหด’ พระน้องชายคลายปมชัดๆ ชนวนเหตุลั่นไกดับ 2 ศพ
1 สิงหาคม 2566 ความคืบหน้าเหตุนายสุขชัย อายุ 54 ปี รปภ. ใช้อาวุธปืนยิงนายวิชา อายุ 72 ปี พี่เขย ก่อนจะขี้รถจักรยานยนต์ (จยย.) มาที่หมวดทางหลวงละหาน หมู่ 9 บ้านลี่ ต.ละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ แล้วใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงนายพงศ์ธร อายุ 31 ปี เพื่อนร่วมงาน ลูกจ้างชั่วคราวหมวดทางหลวงละหาน เสียชีวิต ก่อนจะหลบหนีไป (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ปิดเมืองไล่ล่า!ตำรวจหวิดได้ตัว‘รปภ.ปืนโหด’ แต่นกรู้หนีไปก่อน ทิ้งกระสุนไว้อื้อ)
ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ประกอบด้วย พ.ต.อ.อภิรัชย์ นาทอง ผกก.สภ.บ้านค่าย , พ.ต.อ.อาทิตย์ ฉัตรชัยรัตนเวช ผกก.สภ.จัตุรัส , พ.ต.ท.วุฒิชัย เมธาก้องศิริกุล รอง ผกก.สส.สภ.จัตุรัส , ร.ต.อ.เจริญ ชิณทิพย์ รอง สว.สส.สภ.จัตุรัส , ส.ต.ท.ภานุพงศ์ เฉื่อยไธสง ผบ.หมู่(ป.) สภ.จัตุรัส , ส.ต.ต.มงคล ศรีเงิน ผบ.หมู่ (ป.) สภ.จัตุรัส ได้เบาะแสว่าผู้ต้องหารายนี้ได้เข้าไปที่สำนักสงฆ์ในพื้นที่บ้านหว้าเฒ่า ต.ภูแลนคา อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ซึ่งจุดดังกล่าว เป็นสำนักสงฆ์ที่พระน้องชายของนายสุขชัย บวชอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
ทันทีที่ตำรวจและทีมข่าวเดินทางไปถึง ตำรวจได้บอกกับพระน้องชายของนายสุขชัย ว่าจะมาขอตรวจค้น เนื่องจากมีเบาะแสว่านายสุขชัย ได้เข้ามาหาพระน้องชายหลังเกิดเหตุ ซึ่งวันนี้ทางตำรวจจำเป็นต้องถืออาวุธปืนยาวครบมือ ปูพรมเข้าไปตรวจค้นที่ป่าหลังสำนักสงฆ์ เนื่องจากพบร่องรอยยางขี่รถ จยย.ยังใหม่ๆอยู่ ที่มีการขี่เข้าไปในป่าใกล้สำนักสงฆ์ดังกล่าว
จุดแรกจะเป็นการตรวจค้นบริเวณห้องน้ำ จากนั้นตำรวจได้เดินต่อไปค้นที่เต็นท์ตรงทางเข้าป่า ซึ่งจุดนี้ทางตำรวจได้วางแผนก่อนจะเข้าไป เพราะเต็นท์ที่กางปิดอยู่ จึงต้องกระจายกำลังกันปิดล้อมก่อนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่านายสุขชัย จะซ่อนตัวอยู่ในนั้นหรือไม่
หลังจากนั้นเมื่อเคลียร์ที่เต็นท์เรียบร้อย ทางตำรวจได้นำกำลังเดินเข้าไปตรวจค้นต่อในป่า ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นป่ารกทึบและมีพื้นที่กว้าง ทางตำรวจจึงขอความร่วมมือให้ทีมข่าวนำโดรนขึ้นไปสำรวจว่ามีรถหรือเต็นท์ที่ซุกซ่อนในป่าอีกหรือไม่ แต่ก็ยังไม่พบ นอกจากนี้ หลังตรวจค้นแล้วเสร็จ ทางตำรวจได้เข้าไปขอกราบนมัสการพระน้องชายของนายสุขชัย และได้ขอความร่วมมือให้บอกปมเหตุที่เกิดขึ้น ว่า เหตุผลที่นายสุขชัย ไปยิงคนเสียชีวิตถึง 2 ศพครั้งนี้เป็นเพราะสาเหตุเกิดจากเรื่องอะไรกันแน่
พระน้องชายของนายสุขชัย เปิดเผยอย่างละเอียดว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ 3 ปีก่อน นายสุขชัย ซึ่งเป็นโยมพี่ ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ จ.เชียงราย กระทั่งทางครอบครัวได้แบ่งสมบัติมรดกที่ดินกัน ซึ่งที่ดินของนายสุขชัยติดอยู่กับที่ดินของโยมพี่สาว คือ ภรรยาของนายวิชา พี่เขยผู้ตาย โดยในขณะที่แบ่งที่ดินกันก็ยังไม่มีปัญหาอะไร ในเมื่อนายสุขชัย ยังไม่ได้กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านที่ ต.บ้านค่าย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ทางนายวิชา พี่เขยก็ได้เข้ามาปลูกต้นแก้วมังกรไว้ในที่ดินของนายสุขชัย เพราะเห็นว่าเขายังไม่กลับมา
จนกระทั่งเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว หลังจากนายสุขชัย เลิกกับภรรยาที่อยู่เชียงราย ก็ได้กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านดังกล่าวที่ จ.ชัยภูมิ กระทั่งเมื่อเห็นต้นแก้วมังกร มาปลูกในที่ดินของเขา เขาก็เลยตัดต้นแก้วมังกรทิ้งทั้งหมด จากนั้นทั้งคู่ก็เก็บปัญหานี้เอาไว้ในใจซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้มีปัญหากันอีก 2 เรื่อง คือ เรื่องที่ 1.นายสุขชัย เข้าใจว่าพี่เขยไปตัดต้นสักที่เขาปลูกเอาไว้และเรื่องที่เลี้ยงหอยเอาไว้แล้วหอยตายหมดบ่อ และ 2. คือเรื่องสำคัญที่นายสุขชัย โกรธแค้นมาในใจตลอด ก็คือเรื่องที่นายสุขชัย เคยเป็นผื่นขึ้นเต็มตัวไปหาหมอที่ไหนก็ไม่หาย กระทั่งเป็นแผลเป็นตามร่างกาย ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ที่นายสุขชัยโกรธแค้นนายวิชา ที่เป็นพี่เขยแอบกลั่นแกล้งตัวเองมาตลอด ก็คือเรื่องที่นายวิชาเคยไปพูดกับชาวบ้านว่านายสุขชัยเป็นเอดส์ จึงเป็นชนวนเหตุสะสมในใจของนายสุขชัยมาตลอด
ส่วนเพื่อนร่วมงานที่เป็นลูกจ้างที่หมวดทางหลวงละหานด้วยกัน ที่ถูกยิงเป็นศพที่ 2 เท่าที่นายสุขชัย เคยระบายให้ฟัง คือ มีความแค้นในใจที่เคยถูกเพื่อนร่วมงานใส่ร้ายด้วยเช่นกัน จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่พี่ชายที่ก่อเหตุมีความแค้นเรื่องส่วนตัวสะสมมาตลอดหลายปี กับบุคคลทั้งสอง จนคุมสติอารมณ์ตัวเองไม่ไหว จนก่อเหตุการณ์สลดในครั้งนี้ขึ้น..........-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี