สคล. ย้ำประชาสังคมหนุนการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อลด-ป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ สสส. ชี้ WHO แนะนำสามมาตรการสำคัญเพื่อป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ที่ผลสำรวจปี 64 เป็นเด็กเยาวชนอายุ 15-19 ปี ถึง 30.8%
16 ส.ค.66 นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า แม้ว่าเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ตาม พรบ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พศ. 2551 จะเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข แต่การดำเนินงานที่ผ่านมา สคล. และภาคีเครือข่ายในฐานะภาคประชาสังคม ได้เข้าสนับสนุนโดยติดตามการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เกี่ยวกับการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และส่งข้อมูลร้องเรียนต่อเจ้าพนักงานของรัฐที่ควบคุมดูแลให้ดำเนินการตามกฎหมาย ตาม พรบ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระบุการควบคุมการขาย และจุดจำหน่าย เช่น ห้ามขายห้ามดื่มในสถานที่ราชการ ศาสนสถาน ห้ามขายให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี ตามมาตรา 30 ห้ามส่งเสริมการขาย เช่น การเร่ขาย การลดราคา การจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ รวมถึงมาตรา 32 ห้ามผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมาย อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม กรณีที่มีการนำสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมาโพสต์ทางโซเชียลมีเดีย อีกบทบาทคือ การชี้ให้เห็นความสำคัญต่อประชาชนว่า การโฆษณา และส่งเสริมการขายมีอิทธิพล ส่งผลต่อการกระตุ้น ทำให้เกิดนักดื่มหน้าใหม่มากขึ้น หากมีการเปิดให้โฆษณาโดยเสรี จะยิ่งทำให้เข้าถึงเด็ก และเยาวชนมากขึ้น รวมถึงจะเกิดผลกระทบต่างๆ ที่จะตามมา
“การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสื่อ รวมถึงส่งเสริมการขาย การโฆษณา และส่งเสริมการขายมีอิทธิพล ส่งผลต่อการกระตุ้น ทำให้เกิดนักดื่มหน้าใหม่มากขึ้น การเปิดกว้างให้มีผู้ผลิตมากขึ้นตามกฎกระทรวงที่เพิ่งออกมา หรือตามการเสนอกฎหมายสุราก้าวหน้า เป็นการลดการผูกขาดก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ควรไปลดการควบคุมกระตุ้นให้มีผู้ดื่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น หากมีการเปิดให้โฆษณาโดยเสรี จะยิ่งทำให้กระตุ้นเด็ก และเยาวชนมากขึ้น รวมถึงจะเกิดผลกระทบต่างๆ ทั้งทางสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม ที่จะตามมา ซึ่งภาคีเครือข่ายจะเดินหน้ารณรงค์ให้ทุกภาคส่วน ตระหนักความสำคัญในเรื่องนี้” นายธีระ กล่าว
ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ในกลุ่มเด็ก และเยาวชนเพิ่มมากขึ้น คือ การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านสื่อ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ ข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ. 2564 ระบุถึง นักดื่มหน้าใหม่ของไทย พบในช่วงอายุ 15-19 ปี มากถึง 30.8% ช่วงอายุ 20-24 ปี 53.3% นอกจากนี้ยังพบสัดส่วนนักดื่มเพศหญิงเพิ่มขึ้น 4 เท่าเมื่อเทียบจากปี พ.ศ.2560 ซึ่งการออกโฆษณา และทำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดึงดูดความสนใจของเยาวชน และผู้หญิง เช่น เครื่องดื่มผสมพร้อมดื่ม น้ำผลไม้ผสมแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันในภาพยนตร์ต่างประเทศ บรรจุภัณฑ์มีสีสันสวยงาม ซึ่งเยาวชนที่เริ่มดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่อายุยังน้อย มีโอกาสติดสุราจนทำให้เพิ่มจำนวนผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ในประเทศ จนนำไปสู่สาเหตุการเสียชีวิตที่มากขึ้น โดยองค์การอนามัยโลกชี้ถึงมาตรการสำคัญที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมนักดื่มหน้าใหม่ คือ 1. การจำกัดสถานที่ อายุ วัน และเวลาในการขาย 2. การขึ้นภาษีใช้มาตรการราคาเข้ามาช่วยเพื่อลดแรงจูงใจเข้าถึง 3. การควบคุมจำกัดการโฆษณาและส่งเสริมการขาย
“สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่าย ป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และควบคุมความชุกของผู้บริโภค ผ่านการรณรงค์ ปรับเปลี่ยนค่านิยม ผลักดันมาตรการ บรรทัดฐานทางวัฒนธรรมในงานบุญประเพณี และเทศกาลปลอดเหล้า ลดความเสี่ยง และอันตรายจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พัฒนากลไกการจัดการสนับสนุนกระบวนการจัดการปัญหาแอลกอฮอล์ และนโยบายที่เกี่ยวข้อง จนในสิบปีที่ผ่านมา นักดื่มระดับหนักมีแนวโน้มลดลงมาโดยตลอดจาก ร้อยละ 13.9 ใน พ.ศ. 2557 เป็นร้อยละ 11.9 ใน พ.ศ. 2560 และลดลงเหลือร้อยละ 10.0 ใน พ.ศ. 2564 ”ดร.ประกาศิต กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี