‘พังงา-สตูล-ตราด’จมบาดาล
ฝนถล่มอ่วม!
สะพานขาด/บ้านเรือนเสียหาย
จันทบุรีกระทบ3อำเภอ
เดือดร้อน606ครัวเรือน
อุตุฯชี้ฝนหนัก4-6ก.ย.นี้
กรมอุตุฯ เตือน 37 จังหวัดรับมือฝนหนัก 4-6 กันยายนนี้ จ.พังงา น้ำท่วมกระทบ 50 หลังคาเรือน ด้าน จ.กระบี่ ชาวบ้านเร่งซ่อมสะพานถูกน้ำซัดขาด ส่วน จ.จันทบุรี น้ำป่าหลากเดือดร้อน 3 อำเภอ 606ครัวเรือน
เมื่อวันที่ 3กันยายน กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่องฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน ฉบับที่ 15(240/2566) มีผลกระทบจนถึงวันที่ 6 กันยายน 2566 มีรายละเอียด ดังนี้ ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบนของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคุลมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
สำหรับจังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ดังนี้ วันที่ 3กันยายน2566 ภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ตาก และกำแพงเพชร ภาคกลาง จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง กาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี รวมทั้งกทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
วันที่ 4 กันยายน 2566 ภาคเหนือ จ.ตาก กำแพงเพชร น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ภาคกลาง จ.กาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี สมุทรสงคราม รวมทั้งกทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูล
วันที่ 5-6 กันยายน2566 ภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีภาคกลาง จ.อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จ.ระนอง พังงาและภูเก็ต
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่หมู่ 5 บ้านบางลาด ต.โคกเคียน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ว่าสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง โดยกำลัง ตชด.ที่ 425 ตะกั่วป่า พร้อมด้วยจิตอาสา ได้เข้าช่วยขนย้ายข้าวของเครื่องใช้ของชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมขึ้นที่สูง รวมทั้งช่วยกู้รถกระบะที่ถูกน้ำท่วมซึ่งขณะนี้อ.ตะกั่วป่า ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำตะกั่วป่าเอ่อท่วมพื้นที่ลุ่มใน ต.โคกเคียน และ ต.บางไทร ชาวบ้านกว่า 50 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ ต้องขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 ของบ้านสวนปาล์ม สวนผลไม้ และสวนยางพารา ถูกน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร-1 เมตร การเข้าพื้นที่สำหรับถนนบางเส้นทางต้องใช้เรือท้องแบนในการสัญจร ขณะที่วัวควาย ก็ถูกขนย้ายไปอยู่บนถนนในจุดที่ไม่มีน้ำท่วมขัง
ที่ จ.กระบี่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในชุมชนบ้านหาดถั่ว ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา ได้ช่วยกันซ่อมสะพานไม้ทางเบี่ยง ข้ามคลองอิปัน หมู่ 7 ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา ที่ชำรุดจากการถูกกระแสน้ำป่า จนไม่สามารถใช้สัญจรผ่านไปมาได้ หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอด2 วัน โดยปริมาณน้ำในคลองอิปันเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องกระแสน้ำไหลแรง ชาวบ้านกว่า 100 ครอบครัว ได้รับความเดือดร้อน ต้องใช้ทางอ้อม ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร เพื่อสัญจรไปมา
นายสมใจ นวลนุ่น ตัวแทนชาวบ้านพื้นที่ดังกล่าว เปิดเผยว่า สะพานทางเบี่ยงนี้เป็นสะพานที่ชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้นใช้กันเอง โดยใช้ได้เฉพาะเดินเท้าและจักรยานยนต์เท่านั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพานคอนกรีตข้ามคลอง ซึ่งมีข้อสังเกตว่าไม่มีการสร้างสะพานทางเบี่ยงข้ามคลองเพื่อให้ประชาชนใช้สัญจรชั่วคราว จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านด้วย
ขณะที่ จ.สตูล ได้เกิดน้ำท่วมขังพื้นที่หมู่ 4 บ้านตะโล๊ะใส ต.ปากน้ำ อ.ละงู หลังจากเกิดฝนตกต่อเนื่อง จนน้ำท่วมขยายวงกว้าง สร้างความเดือดร้อนให้กับบ้านเรือนราษฎรและรีสอร์ทซึ่งมีห้องพัก 16 ห้อง อยู่ภายในชุมชนพื้นที่ดังกล่าว โดยส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลจากการก่อสร้างคลองชลประทานและเส้นทางที่ขวางทางน้ำ ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา พื้นที่ดังกล่าวไม่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมขัง
ส่วนสถานการณ์ฝนตกหนักจนเกิดอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ จ.จันทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำป่าได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร เสียหายในหลายจุด ตลอดจนถนนเส้นทางสายหลักที่มุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ดี หลังจากฝนเริ่มลดลง ทำให้หลายพื้นที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำเริ่มลดลง คงมีเพียงพื้นที่ลุ่มต่ำที่เป็นแอ่งกระทะ ยังคงมีน้ำท่วมรอการระบาย โดยมวลน้ำป่าจาก 2 อำเภอ คือ อ.มะขาม และ อ.ขลุงได้ระบายลงสู่แม่น้ำจันทบุรี และคลองภักดีรำไพ ซึ่งเป็นคลองบายพาส ไหลออกทะเล ประกอบกับไม่มีฝนตกเพิ่ม ทำให้ระดับน้ำลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่มีรายงานว่า มีผู้สูงอายุที่ออกมาดูระดับน้ำในคลองด้านหลังบ้าน แล้วพลัดตกจนถูกน้ำพัดจมเสียชีวิต
ทั้งนี้ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จันทบุรี ได้สรุปความเสียหายจากอุทกภัยในวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เขาคิชฌกูฏอ.มะขาม และ อ.ขลุง รวม 12 ตำบล 64 หมู่บ้าน 606 ครัวเรือน ผู้ประสบภัย 1,301 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 5,500 ไร่ ถนนเสียหาย 3 สาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ1 คน และเสียชีวิต 2 คน โดยพื้นที่ส่วนใหญ่สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว คงเหลือ ต.วังแซ้ม และ ต.บ่อเวฬุ ที่ยังมีน้ำท่วมรอการระบาย หากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำ คาดว่าระดับน้ำน่าจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติทุกพื้นที่
ด้านสำนักบำรุงทาง กรมทางหลวงชนบท รายงานสถานการณ์อุทกภัย มีทางหลวงชนบทได้รับผลกระทบ 1สายทาง ใน จ.จันทบุรี คือถนนทางหลวงชนบทสาย จบ.4006 บ้านตาพลอย อ.มะขามอ.ขลุง จ.จันทบุรี มีน้ำท่วมสูง 35 เซนติเมตร และช่วง กม.ที่ 37+400 ถึง 37+700 น้ำท่วมสูง 60 เซนติเมตร ซึ่งจะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรายงานให้ทราบเป็นระยะเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยต้องขอความร่วมมือประชาชนระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเป็นพิเศษและโปรดสังเกตป้ายเตือน
ขณะเดียวกัน ที่ จ.ตราด ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมใน ต.สะตอ และ ต.ประณีต อ.เขาสมิง ว่ากระทบกับบ้านเรือนชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือน โดยเฉพาะที่ ต.สะตอ น้ำท่วมทั้ง 9 หมู่บ้าน เช่นที่หมู่ 7 บ้านทุ่งกระบอก ระดับน้ำสูง 1-1.5 เมตร มีบ้านพัก 10-15 หลัง ถูกน้ำท่วมเสียหาย ส่วนที่เหลือก็อยู่ในสภาพติดเกาะ เข้าออกไม่ได้ ต้องใช้เรือในการสัญจร ซึ่งนายพงษ์พัฑฒ์ สินราย นายอำเภอเขาสมิง ได้สั่งการให้อส.เขาสมิง เข้าช่วยเหลือชาวบ้านโดยนำเรือท้องแบน 2 ลำเข้าไปยกทรัพย์สินขึ้นที่สูง
นายพงษ์พัฑฒ์ กล่าวว่า แม้สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.เขาสมิง หลายพื้นที่เริ่มกลับสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ที่หมู่ 7 บ้านทุ่งกระบอกยังคงมีน้ำท่วมสูงระดับ 1-2 เมตร จึงเร่งเข้าช่วยเหลือบ้านเรือนที่ประสบภัย นอกจากนี้ทาง กต.ตร.เขาสมิง จะเข้าพื้นที่ไปแจกถุงยังชีพให้กับชาวบ้านด้วย ขณะที่นายตรวจ สนเถ็ง ผู้ใหญ่บ้านทุ่งกระบอก เปิดเผยว่า มีบ้านเรือน 85 หลัง ได้รับผลกระทบ โดยที่25 หลัง ทรัพย์สินถูกน้ำท่วมเพราะน้ำท่วมถึงชั้น 2 ของบ้าน แม้ขณะนี้น้ำจะเริ่มลดระดับลง แต่ยังสูงกว่า 1.5 เมตร จึงเร่งเข้าช่วยเหลือ
ส่วนนายสมเดช โสภณดิเรกรัตน์ ผอ.แขวงทางหลวงตราด กล่าวว่า สำหรับความเสียหายของถนนที่เกิดน้ำท่วมยังคงต้องสำรวจความเสียหาย ขณะที่ปัญหาการระบายน้ำของถนนที่บ้านหนองบัว ต.สะตอนั้น จะต้องทำการซ่อมแซมและทำท่อระบายน้ำทั้งสองแห่ง เพื่อให้น้ำสามารถระบายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ฝนที่ตกลงมาเป็นระยะในช่วงนี้ ก็ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำต่างๆ ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง จากข้อมูลรายงานสถานการณ์น้ำของโครงการชลประทานจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวานนี้ (2 กันยายน) มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างรวม 1.335ล้านลูกบาศก์เมตร ประกอบด้วย 1.อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 23,000 ลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่าง 129.344 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 41.13 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 314 ล้านลูกบาศก์เมตร 2.อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย มีปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 260,000 ลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่าง 53.105 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 34.73 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 155 ล้านลูกบาศก์เมตร 3.อ่างเก็บน้ำมูลบน อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 126,000 ลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่าง 46.485 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 34.60 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 141 ล้านลูกบาศก์เมตร 4.อ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 926,000 ลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่าง 95.235 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 34.63 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 275 ล้านลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง มีปริมาณน้ำกักเก็บรวมกัน 331.880 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 37.48 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 885.49 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับน้อยมาก หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณน้ำมากถึง 585.992 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 66.18 ของความจุกักเก็บทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี