กองทัพบกเมียนมา ส่งทหารระดับกองพลถึง 2 กองพล เข้าพื้นที่เมืองดีมอโซว์เพื่อเปิดทางลงมาที่บ้านแม่แจ๊ะ ตรงข้าม อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อช่วยเหลือกองทหารที่ถูกปิดล้อมมาเกือบปีและอดอยากอย่างหนัก ขณะที่ฝ่ายต่อต้านเร่งผลิตกำลังรบเข้าต่อต้านสกัดทหารเมียนมาอย่างสุดชีวิต ขณะเดียวกันในพื้นที่พักพิงฯ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย และผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด ได้เดินทางมามอบสิ่งของให้กับผู้ลี้ภัยที่ได้รับผลกระทบจากสงครามในรัฐคะยา/คาเรนนี
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 แหล่งข่าวสมาชิกระดับสูงของ กองกำลังกะเหรี่ยงคะยา/คาเรนนี /KA เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้มีการสู้รบอย่างหนักในพื้นที่ อ.ดีมอโซว์ จ.ลอยก่อว์ สหภาพเมียนมา
โดยกองทัพบกเมียนมา ได้ส่งกำลังทหารกองพลคอมมานโด จาก พล.ร.เบา 55 และ พล.ร.เบา 77 เข้าสู่พื้นที่ อ.ดีมอโซว์ ทางด้านกองกำลังทหารกะเหรี่ยงคะยา ได้จัดตั้งกองกำลังผสม ประกอบด้วย KA , KNDF , KNPLF และ PDF เข้าสู้รบกับทหารเมียนมาเพื่อผลักดันและสกัดกั้นการเคลื่อนที่ของกองกำลังทหารอื่นๆ ที่จะตามมาและส่งกำลังมุ่งหน้ามาทางด้านทิศใต้ โดยมีมีเป้าหมายที่ อ.แม่แจ๊ะ ติดชายแดนไทย ตรงข้ามช่องทางบ้านห้วยต้นนุ่น อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ของไทย
ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2566 เป็นต้นมา ทหารเมียนมา กองพลทหารราบเบา ที่ 55 ได้จัดกำลังเป็น 3 แนว ตั้งแต่เมืองดีมอโซว์ และเมืองฟรูโซ ไปจนถึงหมู่บ้านเหงยตองใหม่ และหมู่บ้านกาดาลา มีรายงานว่าการสู้รบในแต่ละวันเกิดขึ้นกับกองกำลังร่วมปฏิวัติกะเรนนี ขณะที่พวกเขาประจำการอยู่ในแนวเขาจนถึงหมู่บ้าน Hộ Thaw Khu และหมู่บ้าน Dong Ye Khu ขณะที่ กองทหาร เมียนมาได้พยายาม ส่งกำลังรุกคืบเข้าสู่ พื้นที่ อำเภอผาซอง เพื่อยึดเมืองแม่แจ๊ะ/แม่แสะ คืน ขณะที่กองกำลังผสมคะยา/กะเรนนี เข้าสู้รบกับทหารเมียนมาที่ถูกส่งเข้ามา ใกล้หมู่บ้านแพนเต็ง
ในช่วงเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา กองกำลังผสมของกะเหรี่ยงคะยา ที่ประกอบด้วย KA , KNDF , KNPLF และ PDF เข้าร่วมการสู้รบกับทหารเมียนมา ประมาณ 50 ครั้งในรัฐคะยา/กะเรนนี ในระหว่างการสู้รบ ทหารเมียนมาถูกสังหารไปไม่ต่ำกว่า 110 นาย และสามารถจับกุมเชลยศึกซึ่งเป็นทหารเมียนมา 3 นาย และยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ของทหารเมียนมาได้เป็นจำนวนมาก ขณะที่ทหารเมียนมาได้มีการใช้เครื่องบินรบ โจมตีสนับสนุนการสู้รบฝ่ายตน ไม่ต่ำกว่า 45 เที่ยวบิน
มีรายงานว่าทหาร KNDF 5 นาย เสียชีวิตในการสู้รบที่เกิดขึ้นในเมืองดิมอโซว์ เมื่อเดือนสิงหาคม จากการโจมตีทางอากาศของทหารเมียนมา บ้านเรือน 20 หลังถูกทำลายจากการโจมตีทางอากาศและการโจมตีด้วยอาวุธหนัก ทำให้โบสถ์คริสต์ได้รับความเสียหาย 1 แห่ง , โรงเรียน 2 แห่ง และบ้านเรือนราษฎรชาวคะยา อีก 18 หลังคาในหมู่บ้านที่มีการสู้รบมีราษฎรเสียชีวิต 1 รายและอีก 2 รายเสียชีวิตจากการโจมตีด้วยปืนครก และมีเด็กอีก 3 รายที่ได้รับบาดเจ็บจาการโจมตีของทหารเมียนมา
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ปลอดภัยชั่วคราวบ้านในสอย ตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายกฤษฎา บุญราช ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย และผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาดพร้อมด้วย พลโทนายแพทย์อำนาจ บาลี ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ นางจิราภรณ์ โมสิกรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปลัดจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนและคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ภายในศูนย์ปลอดภัยชั่วคราวบ้านในสอย ตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ในการนี้คณะผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ได้มอบเครื่องอุปโภค - บริโภค ให้แก่ตัวแทนผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา พร้อมกันนี้ยังได้ไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม ที่ดูแลช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลผู้ป่วย และเยี่ยมให้กำลังใจกับครอบครัวผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ที่หลบภัยจากการสู้รบเข้ามาอยู่ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้วกว่า 3 เดือน
นายกฤษฎา บุญราช ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย และผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด กล่าวว่า สำหรับความช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ซึ่งปัจจุบันเข้ามาหลบภัยจากการสู้รบมีมากกว่า 8,900 คน ในพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง อำเภอขุนยวม และอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งในจุดนี้มีกว่า 3,700 คน
โดยทางสภากาชาดไทย ได้มอบหมายให้เหล่ากาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอน ฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน หน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลและให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม นอกจากนั้นยังมีองค์กรเอกชนจากต่างประเทศ และสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ UNHCR ได้เข้ามาช่วยเหลือดูแลด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2566 เป็นต้นมา ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน ไทย เมียนมา ระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อย ตามแนวชายแดนไทย ทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา เดินทางเข้ามายังฝั่งชายแดนไทยพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ราว 9 หมื่นคน โดยนายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และหน่วยงานในพื้นที่ได้จัดพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา พักอาศัยเป็นการชั่วคราว ในพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง อำเภอขุนยวม และอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน
นอกจากนั้น ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย และผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด ยังได้เดินทางไปเยี่ยมผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาร์ ในศูนย์ปลอดภัยชั่วคราวบ้านเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน และมอบเครื่องอุปโภค - บริโภค ให้แก่ผู้อพยพหนีภัยสงครามอีกด้วย.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี