โควิดระลอกใหม่
ทั่วโลกป่วยพุ่งนับแสน
WHOเตือนให้เฝ้าระวัง
องค์การอนามัยโลกแถลงเตือนแนวโน้มโควิด-19 แนวโน้มน่าห่วง ก่อนเข้าหน้าหนาว โดยยอดติดเชื้อ–เสียชีวิต-ป่วยหนักเพิ่มขึ้นหลายปท.ทั่วโลกจี้เพิ่มการเฝ้าระวัง-ฉีดวัคซีน
ด้าน “หมอยง”ห่วงเชื้อ “ฝีดาษลิง” ระบาดลาม และควบคุมยาก ทั่วโลกป่วยแล้วนับแสนคน ขณะที่ไทยติดเชื้อเพิ่มขึ้นเร็วมากในเดือนมิย. สาเหตุคือ ความรุนแรงของโรคน้อง ทำให้บางรายเป็นแล้วไม่รู้ตัว จึงไม่รักษา เป็นต้นเหตุแพร่เชื้อ
เมื่อวันที่ 7 กันยายน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกแถลงเตือนแนวโน้มการระบาดของเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ก่อนเข้าฤดูหนาวในประเทศแถบซีกโลกเหนือ พร้อมเรียกร้องให้เพิ่มการฉีดวัคซีนและเฝ้าระวัง แม้ข้อมูลตัวเลขจะมีจำกัด เนื่องจากหลายประเทศหยุดการรายงานข้อมูลตัวเลขโควิดแล้ว แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณการว่า มีประชาชนหลายแสนคนทั่วโลกที่กำลังเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19
นายเทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า องค์การอนามัยโลกยังคงเห็นว่า การระบาดของโควิดมีทิศทางนี้น่ากังวล ก่อนเข้าช่วงฤดูหนาวในแถบซีกโลกเหนือ ยอดผู้เสียชีวิตกำลังเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่บางส่วนของตะวันออกกลางและเอเชีย จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในแผนกผู้ป่วยหนัก หรือ ไอซียู ในยุโรปเพิ่มมากขึ้นและผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นในหลายภูมิภาค
ผอ.องค์การอนามัยโลกกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีเพียง 43 ประเทศ ซึ่งน้อยกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกองค์การอนามัยโลก ที่รายงานเรื่องตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ให้องค์การอนามัยโลกรับทราบ และมีเพียง 20 ประเทศที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
“จากจำนวนผู้เข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต แสดงให้เห็นว่าโควิด-19 ยังไม่ไปไหนและต้องมีเครื่องมือที่จำเป็นในการต่อสู้กับโควิดต่อไป”ผอ.องค์การอนามัยโลกระบุ
ด้านศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงสถานการณ์ระบาดของเชื้อฝีดาษลิงว่า “Mpox หรือ ฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง กำลังระบาดมากและยากจะควบคุม” โดยฝีดาษลิงทั่วโลกขณะนี้มีผู้ป่วยนับแสนคน สำหรับประเทศไทยจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วช่วงเดือนมิถุนายนถึงปัจจุบัน หลังจัดงาน prime festival สาเหตุที่ฝีดาษลิงระบาดแล้วยากที่จะควบคุม มาจากสาเหตุดังนี้
1.ความรุนแรงของโรคนี้ รุนแรงน้อยมาก ในบางรายขึ้นตุ่มไม่กี่ตุ่ม หรือไม่ทราบ ดังนั้นจำนวนหนึ่งจะไม่ได้เข้าสู่กระบวนการรักษา และสามารถแพร่กระจายโรคต่อไปได้ 2.การระบาดสัมพันธ์กับเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะในกลุ่มชายรักชาย เช่นเดียวกับ HIV ก็ยากควบคุมหรือกำจัดให้หมดไป แต่ฝีดาษลิงดีกว่า HIV ตรงที่โรคหายขาดไม่เรื้อรัง 3.การป้องกันด้วยวัคซีน วัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันใช้ป้องกันฝีดาษคน เมื่อนำมาป้องกันฝีดาษลิง ประสิทธิภาพป้องกันลดลง ไม่ได้ 100% แบบการปลูกฝีป้องกันฝีดาษ ดังนั้น ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังเป็นโรคได้ 4.วัคซีนที่ใช้อยู่ปัจจุบันราคาแพงมาก ประเทศกำลังพัฒนาไม่สามารถนำมาใช้ได้
5.แหล่งแรงโรค อยู่ในสัตว์ตระกูลหนูหรือฟันแท้ เห็นจากการระบาดเมื่อ 20 ปีก่อนในอเมริกามีการนำเอาหนู Giant Gambian rat นำเข้าไปในอเมริกาและไปเลี้ยงรวมกับ แพรี่ด็อก เชื้อได้ข้ามไปสู่แพรี่ด็อกและเข้ามาสู่คน ทำให้เกิดการระบาดมากกว่า 40 คน 6.ประเทศกำลังพัฒนาที่มีสุขอนามัยไม่ดี เชื้อฝีดาษลิงอาจหลุดไปสู่สัตว์พันธุ์แท้โดยเฉพาะหนู ที่จะเป็นแหล่งเพราะพันธุ์ของโรค และอาจแพร่พันธุ์ไปสู่สัตว์อื่น จะยิ่งทำให้ยากควบคุม การดูแลป้องกันลดการแพร่กระจายในประเทศกำลังพัฒนาต้องออกแรงมากกว่าประเทศพัฒนาแล้วด้วยสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรที่จำกัด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี