สองมือปราบ วิเคราะห์คดียิงตำรวจในบ้าน “กำนันนก” ผ่าทุกประเด็นผลประโยชน์ ลั่นถ้าผมอยู่ ผมยิงมือปืนตรงนั้น
 

วันที่ 8 กันยายน 2566 รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณีคดีใหญ่ กำนันสั่งมือปืนยิงสารวัตรทางหลวงเสียชีวิต ก่อนนำไปสู่การตามล่าจับกุม “ไอ้หน่อง” มือยิง สุดท้ายเกิดการยิงปะทะ เจ้าหน้าที่วิสามัญคนร้ายเสียชีวิต ส่วน “กำนันนก” เข้ามอบตัวแล้วเมื่อวานนี้ โดยได้อดีตนายตำรวจมาร่วมพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด บอกว่า ตนเคยเป็นผู้กำกับทางหลวงมาก่อน ลูกชายตนก็เคยเป็นสารวัตรตำแหน่งเดียวกับน้องที่เสียชีวิต ตนก็ไม่เคยต้องไปนั่งกินข้าวกับใคร แต่ถ้าไปนั่งกินข้าวแล้วได้เงินก็คงเป็นอีกเรื่อง เรื่องนี้ใครก็รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องผลประโยชน์

แต่สิ่งที่ตนเสียใจคือ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้าตำรวจ 21 คน เรื่องนี้คนเป็นผู้กำกับ ที่อยู่ในเหตุการณ์ มันควรจะต้องรู้จักประเมินสถานการณ์ กำนันไม่ใช่ตำแหน่งใหญ่โต อายุก็รุ่นลูก ทำไมผู้กำกับไม่รู้จักห้ามปราม ต้องปกป้องลูกน้อง แต่นี่ไม่มีเลย

ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มองว่า ต่างจังหวัดจะมีเหตุการณ์แบบนี้เยอะมาก พวกคนใหญ่คนโตในพื้นที่ชอบเรียกตำรวจไปกินข้าว ตบหัวตำรวจได้ มันก็แสดงอำนาจบารมี ตำรวจก็ชอบเข้าไปหากำนันผู้ใหญ่บ้านพวกนี้ เพราะกำนันผู้ใหญ่บ้านเหล่านี้ เป็นมือเป็นไม้ให้นักการเมืองที่ใหญ่ขึ้นไปอีก มันก็เป็นเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ตนไปสืบมาแล้วว่า สาเหตุของเรื่องไม่ใช่แค่เรื่องขอตำแหน่ง แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ น้องที่เสียชีวิตเพิ่งไปประจำใหม่ สอบสวนกลางเขาส่งไปแก้ปัญหาส่วยรถบรรทุก เชื่อว่าน้องไม่รับผลประโยชน์ มันก็เลยมาเกิดเรื่องแบบนี้

ส่วนเรื่องการวิสามัญคนร้าย พล.ต.ต.วิชัย บอกว่า ต้องพิจารณาตามกฎหมายก่อนว่า การวิสามัญคือการที่เจ้าหนักงานปกป้องตัวเอง เมื่อคนร้ายเปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธยิงตอบโต้ ถึงจะเรียกว่าเป็นการวิสามัญ เรื่องนี้ต้องพูดกันในกรอบกฎหมาย

ขณะที่ อ.ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส บอกว่า คนร้ายยิงตำรวจตายต่อหน้าตำรวจ มีหลบหนี มีอาวุธปืนติดตัว ให้คิดไว้เลยว่า ตอนไปตามจับมันสู้แน่ ไม่มีเหตุผลเลยที่จะไม่สู้ เพราะฉะนั้นตำรวจที่ไปตามจับ ต้องเตรียมพร้อมเลยว่า เขาพร้อมจะยิงมาได้ทุกเมื่อ

พล.ต.ท.เรวัช บอกอีกว่า ตำแหน่งกำนัน ค่าตอบแทนน้อยมาก เงินเดือนน้อยมาก แต่เชื่อไหมว่า การต่อสู้กันตอนเลือกตั้งมันหนักมาก บางที่หนักกว่าเลือก สส.อีก เพราะคนแค่ 100-200 คนในพื้นที่ จะไปซื้อเสียงให้เขาเลือก มันก็ต้องหัวละหลักพัน หลักหมื่น แล้วไหนจะต้องมาให้ผู้ใหญ่ด้วยกันโหวตอีก ก็มีหลักแสน ถามว่าเขาทำแบบนี้แล้วเขาได้อะไร เขาได้บารมี ได้อำนาจ ได้ความเคารพยำเกรงจากตำรวจ นักการเมือง อะไรต่างๆ ก็ต้องมาพึ่งพาคนพวกนี้

พล.ต.ต.วิชัย ยกประเด็นเรื่องอาวุธปืน เชื่อหรือไม่ว่า ประเทศไทยมีปืน ประมาณ 10 กว่าล้านประบอก ปืนเถื่อนอีกประมาณ 3 ล้านกระบอก มากเป็นอันดับ 3 ของโลก อันดับ 1 ของเอเชีย แล้วมันไปก่อความรุนแรง ถามว่าอย่างกรณีกำนันนี้ มีปืน 9 กระบอก มีไปทำไม เอาไปยิงใคร ถามว่าถ้าวันนั้นมันไม่มีปืน มันจะเกิดเรื่องแบบนี้ไหม ตอนนี้ต้องควบคุมเรื่องอาวุธปืนสักที เพราะความรุนแรงจากอาวุธปืนมันเยอะมากจริงๆ

ขณะที่ นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ชี้ว่า ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเสมอไป เพียงแต่ในเคสนี้ผู้ต้องหาเป็นกำนัน หลักเกณฑ์ของกรมการปกครองมีระบุคุณสมบัติไว้หมด โดยมีข้อหนึ่งคือ ต้องไม่มีพฤติกรรมทางพาล ต้องไม่เป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งในเรื่องนี้มันจะต้องเป็นที่ประจักษ์ จะต้องไม่มีประวัติให้ออกจากราชการ หรือประวัติอาชญากรรมต่างๆ ซึ่งในเรื่องนี้ มันจะมีการตรวจสอบในทุกๆ วงรอบ 5 ปีอยู่แล้ว

สุดท้ายในระยะยาว ถ้าจะต้องมีการแก้กฎหมายอะไรอย่างไร ต้องไปพิจารณากัน เพราะประเทศไทยเป็นนิติรัฐ จะทำอะไรก็ต้องมีกรอบของกฎหมาย อย่างเรื่องว่าวาระของกำนันผู้ใหญ่บ้าน มีความเป็นไปได้ไหมว่าจะแก้จากให้อยู่จนเกษียณ 60 ปี จะลดมาเหลือ 4 ปี 5 ปี ได้ไหม ก็ต้องดูความเห็นจากหลายฝ่าย เพราะประเทศไทยก็เคยทำมาก่อน ที่วาระกำนันผู้ใหญ่บ้านแค่ 5 ปี
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการขอโยกย้ายตำแหน่งให้หลานของกำนันนก ที่ชื่อ “จ่าอาร์ท” ให้มาเป็นสายตรวจหน่วยเคลื่อนที่เร็ว มีเสียงสัมภาษณ์จ่าอาร์ทว่า เรื่องนี้เขาคุยตกลงกันเรียบร้อยแล้วก่อนวันเกิดเหตุ เรื่องตำแหน่งของตนไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.เรวัช มองว่า เขาพูดว่าตกลงกันแล้ว แต่มันยังไม่มีคำสั่งออกมา การจะโยกย้ายตำแหน่ง มันต้องรอวาระ 30 ก.ย. ที่เป็นวาระเกษียณอายุราชการของคนที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อน ซึ่งก็อีกเพียง 20 กว่าวันข้างหน้านี้เอง แต่เชื่อว่า กำนันรอไม่ได้ จะเอาเดี๋ยวนี้ จะต้องทำตอนนี้ มันบ้าอำนาจเกินไป