จ่ายเงินเดือน2รอบเพิ่มภาระ
ขรก.ต้านแหลก
ห่วงปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลัง
แนะรบ.ขึ้นค่าตอบแทนดีกว่า
นายกฯไม่ท้อโดนวิจารณ์ยับ
ชี้เป็นทางเลือก/รอคลังศึกษา
นายกฯขอสู้ต่อ แจงนโยบายจ่ายเงินเดือนสองรอบ เป็นทางเลือกที่ดีหวังแบ่งเบาภาระคนมีหนี้ กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรบ.ศึกษามาแล้ว ขอใจเย็นรอฟังกรมบัญชีกลางที่กำลังดูรายละเอียด ด้านรมช.คลังยันไม่ล้ม เดินหน้าศึกษาแนวทาง พร้อมรับฟังเสียงค้าน ขณะที่โฆษกรัฐบาลย้ำเป็นข้อเรียกร้องของขรก.ที่ต้องการเสริมสภาพคล่อง โดยเงินได้เท่าเดิมแต่จ่ายเร็วขึ้น หากไม่ต้องการก็กลับไปใช้ระบบเดิมได้ ส่วนขรก.ครูส่วนใหญ่ค้านหนักไม่ช่วยลดหนี้ หวั่นทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลัง เพิ่มภาระให้บุคลากรภาครัฐ วอนรบ.ทบทวน ถ้าอยากช่วยควรพิจารณาเพิ่มค่าตอบแทนจะดีกว่า
เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้ปรับระบบการจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็นสองรอบให้มีผลปี 2567 ว่า การแบ่งจ่ายสองหนเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระสำหรับคนที่มีหนี้สิน สามารถจ่ายหนี้สินคืนได้เร็วขึ้น สามารถจัดสรรหักจ่ายเป็นสองงวดได้ ความจริงแล้วมีบางคนบอกว่าเป็นเรื่องของกระแสเงินสดที่รัฐบาลมีปัญหา แต่ความจริงไม่ใช่ หากแบ่งจ่ายสองรอบทีละครึ่งเดือนทุกวันที่ 15 และวันที่ 30 ส่วนถ้าใครไม่มีหนี้ ก็สามารถนำเงินไปลงทุนทำประโยชน์อื่นหรือฝากธนาคารได้
ย้ำเป็นทางเลือกมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ
“อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ขอให้เป็นทางเลือกก็จะมีแต่เสมอตัวกับดีขึ้น ผมเข้าใจว่าการที่เราเสนอทางเลือกใหม่ ก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่รัฐบาลบริหารจัดการประเทศ โดยมีขีดงบประมาณจำกัด เราต้องคำนึงถึงทุกมิติของการออกแต่ละนโยบาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สิ่งใดที่ไม่เป็นภาระงบประมาณ เพราะเรื่องนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เป็นแค่โปรแกรมใหม่ที่จะจ่ายเงินอย่างไรเมื่อไร ซึ่งเราคำนึงถึงวินัยการเงินการคลังด้วยเหมือนกัน มีหลายคนโดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เพิ่งเข้ามาทำงานก็อาจมีปัญหาภาระทางการเงิน ต้องแบ่งจ่ายชักหน้าไม่ถึงหลังก็เท่านั้น ซึ่งกรมบัญชีกลางจะทำเป็นออปชั่นให้เลือกว่าจะเอาแบบไหน ฉะนั้นผมว่าใจเย็นนิดหนึ่ง” นายเศรษฐากล่าว
ยันศึกษาดีแล้วถามขรก.ทุกระดับ
และย้ำว่า เรื่องนี้รัฐบาลศึกษาอย่างละเอียดมาแล้ว โดยสอบถามข้าราชการทุกระดับ ตนหวังว่าบริษัทแต่ละบริษัทน่าจะลองเอาไปเป็นทางเลือก ตนขอใช้คำว่า ทางเลือกนี้เป็นทางเลือกที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มาก รัฐบาลพร้อมปรับแนวทางเลือกใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ตนบอกแล้วว่า เป็นทางเลือกคือ แบ่งจ่ายสองหน หรือจ่ายทีเดียวก็ได้ เป็นทางเลือกที่ดี หากใครไม่ชอบก็ใช้อย่างเดียวก็ได้ หรือใครอยากจ่ายสองหนก็ได้ มีแต่ดีขึ้นกับเสมอตัว ใครไม่ชอบก็เอาแบบเก่า ใครจะจ่ายสองหนก็ทำได้ เช่น หนี้ครูสามารถแบ่งจ่ายสองหนได้ โดยพูดคุยกับสถาบันการเงิน เพราะเขาต้องการเพียงหนี้คืน ส่วนจะจ่ายอย่างไรเป็นเรื่องที่คุยกันได้ ทุกคนทราบดีว่าประชาชนประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจกระแสเงินสด ซึ่งเราก็คิดให้และทำมาให้ ส่วนเรื่องผลตอบแทนที่สูงขึ้นนั้นเป็นแผนระยะยาวของเรา หากพร้อมจะแถลงอีกครั้ง
ขึ้นเงินเดือนขรก.เป็นแผนระยะยาว
ถามว่า เหมือนนายกฯจะหวังดีแต่กระแสที่ออกมาตรงกันข้าม นายกฯจะทำอย่างไร นายกฯกล่าวว่า สู้ต่อ ไม่มีอะไร เพราะทราบอยู่แล้วว่าการออกนโยบายต้องมีทั้งกระแสลบและกระแสบวก ถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับใหม่เป็นการไปเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ นายเศรษฐากล่าวว่า ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า เป็นแผนระยะยาว แต่ต้องดูองค์รวมทั้งหมดของข้าราชการที่เกษียณและที่เข้ามาใหม่ว่าเป็นอย่างไร ขอย้ำว่า ถ้าพร้อมตนจะแถลงไม่ต้องห่วง เรื่องปากท้องข้าราชการทุกภาคส่วนอยู่ในใจครม.ชุดนี้อยู่แล้ว แต่หากเกิดว่าตนพูดอะไรไป เดี๋ยวเข้าใจผิดอีก ขอให้พร้อมก่อนแล้วจะจัดการให้ เข้าใจดีว่าทุกภาคส่วนเดือดร้อน
พร้อมฟังทุกคนให้ติอย่างสร้างสรรค์
นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ตนพยายามให้มีภาวะสมดุลระหว่างที่จะแถลงนโยบายออกไป เพื่อให้ทราบว่ารัฐบาลทำอะไรอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่ครบบางทีก็ถูกตำหนิ จึงต้องทำให้สมดุลย์ให้ได้เหมือนกัน อยากทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนและคนหมู่มากมีความสุข และนโยบายโดนใจทุกคน
ถามต่อว่า นายกฯยังไม่ท้อใช่หรือไม่ที่ถูกตำหนิประเด็นนี้ นายเศรษฐากล่าวว่า คนชมก็เยอะ แต่ตนก็ต้องฟังทั้งติทั้งชม เพราะเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว เสียงบางเสียงก็มีประโยชน์ ติก็ขอให้ติอย่างสร้างสรรค์
คลังเร่งศึกษาแต่ไม่ล้มเลิก
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.การคลังกล่าวถึงนโยบายรัฐบาลที่มีแนวคิดจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 รอบต่อเดือนว่า เรื่องนี้กรมบัญชีกลางกำลังศึกษาดูความพร้อมทั้งหมด ยืนยันพร้อมทำตามนโยบายรัฐบาล ไม่ล้มแน่นอน ส่วนเสียงสะท้อนจากข้าราชการส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยนั้น พร้อมรับฟังและนำไปพิจารณาร่วมด้วย โดยรายละเอียดอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม ซึ่งอาจมีทางเลือกให้ อยากให้รอฟังก่อน เช่น อาจเสนอให้รัฐบาลเปิดช่องให้ข้าราชการเลือกได้ว่า จะรับเงินเดือนครั้งเดียว หรือ 2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ส่วนกรณีที่เลือกรับเงินเดือน 2 ครั้งต่อเดือนนั้น ต้องมากำหนดต่อว่าจะจ่ายวันที่เท่าไหร่
ขรก.ค้านเสียงขรมหวั่นไม่พอจ่ายหนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามความคิดเห็นของข้าราชการส่วนใหญ่พบว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว เนื่องจากกังวลว่าจะมีเงินไม่เพียงพอชำระหนี้ช่วงปลายเดือน และไม่แน่ใจว่ารัฐบาลไปสำรวจความคิดเห็นของข้าราชจากส่วนไหนหรือหน่วยงานใด เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยรับรู้ หรือได้รับการสอบถามเรื่องดังกล่าวเลย
โฆษกรบ.ย้ำขรก.เรียกร้องมา
วันเดียวกัน นายสัตวแพทย์ชัย วัชรรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ”ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในประเด็นนี้ว่า นโยบายจ่ายเงินเดือนข้าราชการสองครั้งต่อเดือนนั้น มาจากวิธีคิดที่ว่า ข้าราชการจำนวนหนึ่งบอกว่า เงินเดือนไปรอรับสิ้นเดือน 100% หมุนเงินไม่ทัน ขอให้รัฐบาลจ่ายล่วงหน้ากลางเดือนมา 50% ก่อนได้หรือไม่ เพื่อเสริมสภาพคล่อง รัฐบาลคำนวณแล้ว ข้อเสียมีสองข้อดังนี้ ข้อหนึ่ง กรมบัญชีกลางปวดหัว ต้องหาวิธีมาบริการประชาชนเพิ่มขึ้น ข้อสอง รัฐบาลต้องเอาเงินเดือนครึ่งหนึ่งมาจ่ายเร็วขึ้น 15 วัน แต่เราดูแล้วเพื่อให้ข้าราชการมีสภาพคล่องมากขึ้น ชีวิตมีคุณภาพขึ้น นายกฯจึงยินดีและออกมาเป็นนโยบาย
ถูกค้านก็พร้อมไปใช้แบบเดิม
นายสัตวแพทย์ชัยกล่าวต่อว่า คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยคุยกันแล้ว ไม่มีข้อเสียอะไรเลย มีข้อเสียเพียงแต่ฝั่งรัฐบาล 2 ข้อดังกล่าว จึงเป็นที่มา แต่เมื่อเสียงสะท้อนเป็นแบบนี้ กรมบัญชีกลางก็บอกว่า เอาแบบเดิมก็ดี รัฐบาลก็ง่าย ไม่ต้องหาเงินมาจ่ายล่วงหน้า 15 วัน ในที่สุดถ้าปรารถนาดีแล้วคนไม่เข้าใจ ก็ไม่มีปัญหา ก็เป็นทางเลือก เราพร้อมดูแลคนที่มีปัญหา อยากได้เงินเดือนล่วงหน้า 15 วัน ใครที่บอกว่าไม่ต้องการ รอปลายเดือน ก็ไม่มีปัญหา ระบบการจ่ายเงินเดือนล่วงหน้า บริษัทเอกชนก็ทำ
ยันเงินเดือนเท่าเดิมแค่ได้เร็วขึ้น
“ขอย้ำว่าเรื่องนี้เป็นทางเลือก ยืนยันว่าคนที่จะรับเงินเดือน 2 รอบ จะไม่มีปัญหา เพราะเงินเดือนไม่น้อยลง ได้เท่าเดิมแต่เร็วขึ้น สมมติว่าโอนเงินเข้าไปบัญชี ก็อย่าเพิ่งไปแตะ เอาไว้อย่างนั้น พอสิ้นเดือนเข้ามาอีก 50 ก็เป็น 100% ก็ตัดจากบัญชีเหมือนเดิม ไม่เห็นต้องทำอะไร ถ้าใครคิดว่าจะห้ามใจไม่อยู่ ก็รับสิ้นเดือนเหมือนเดิม เราไม่ได้คิดเอง เราตอบสนองข้อเรียกร้องของข้าราชการ เรียกร้องมานานก็รับฟัง คิดว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรให้บริการ”โฆษกรัฐบาลกล่าว
ครูบุรีรัมย์ค้านชี้ไม่ช่วยลดหนี้
อีกด้านหนึ่งมีความเห็นจากข้าราชการครูและผู้อำนวยการโรงเรียนที่จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 รอบของรัฐบาล เพราะมองว่าการจ่ายเงินเดือน 2 รอบไม่ได้ช่วยลดภาระหนี้สินหรือการกู้ยืมเงินตามจุดประสงค์ของรัฐบาลได้จริง หากรัฐบาลไม่ประสานกับสถานบันการเงินในการเรียกเก็บหนี้ให้สอดคล้องกับนโยบาย กลับจะยิ่งเพิ่มภาระ ทำให้เกิดการกู้ยืมเงินมากขึ้นกว่าเดิม จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนหรือให้เป็นทางเลือกตามความสมัครใจสำหรับคนที่พร้อมหรือไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนดีกว่า ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเห็นว่าหากอยากให้ช่วยจริงๆ ควรเพิ่มเงินเดือนให้ข้าราชการที่บรรจุใหม่หรือที่มีเงินเดือนน้อยจะดีกว่า
ครูใต้ฟันธงสร้างภาระเพิ่ม
สอดคล้องกับ นายประทุม เรืองฤทธิ์ ประธานสมาพันธ์ครูภาคใต้เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลจะปรับการจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการเป็นเดือนละ 2 ครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ดี กระตุ้นการใช้จ่ายในภาคราชการ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงจร แต่จะกระทบปัญหามากมายตามมา ด้วยเงินเดือนข้าราชการบางประเภทผูกติดกับระบบการหัก ณ ที่จ่ายหลายรายการ เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ที่หัก ณ ที่จ่ายเป็นภาระให้หน่วยงานต้นสังกัดตามข้อตกลง ในการหักเงินส่งใช้สหกรณ์ฯจะเป็นภาระงานให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและการคำนวณค่าตอบแทนในการหัก ณ ที่จ่าย หมายถึงสหกรณ์ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้เจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี เพราะมีภาระงานเพิ่ม แน่นอนว่าสถานภาพทางการเงินของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ย่อมนำมาซึ่งปัญหาที่เพิ่มขึ้น
“อย่างการหักเงิน ณ ที่จ่าย ของโครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาในกรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) ไม่สามารถแบ่งจ่ายได้ตามตัวเลข ไม่สามารถสรุปได้ระหว่างรอบครึ่งเดือน ก่อนปัญหาการเรียกเก็บต่อไปและกระทบสถานภาพของกองทุนในอนาคต”นายประทุมกล่าว และว่า ในระบบเงินเดือน บุคลากรแต่ละหน่วยงานมีจำกัดเป็นการเพิ่มภาระงานโดยไม่จำเป็น และอาจเป็นการสร้างเงื่อนในการเพิ่มบุคลากรภาครัฐขึ้นในอนาคต แม้ปัจจุบันการใช้เทคโนโลยีมาช่วยงาน แต่ในหน้างานระดับการปฏิบัติบุคลากรทำงานยังสำคัญ จึงเป็นประเด็นที่ต้องทบทวนให้รอบคอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี