'เขื่อนราษีไศล' เปิดประตู 7 บาน เร่งระบายน้ำ 5 ล้านลบ.ม.ต่อวัน

'เขื่อนราษีไศล' เปิดประตู 7 บาน เร่งระบายน้ำ 5 ล้านลบ.ม.ต่อวัน

วันอังคาร ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2566, 11.10 น.

'ศรีสะเกษ' ห่วงลำน้ำห้วยทับทันพบน้ำมากต้องระวังน้ำท่วมตลอดสองริมตลิ่ง 'เขื่อนราษีไศล' เปิดประตูทั้ง 7 บานยก 1.70 ม.เร่งระบายน้ำออก

วันที่ 19 ก.ย.66 ที่เขื่อนราษีไศล อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ระดับน้ำหน้าเขื่อนราษีไศล วัดได้ 117.51 ม.(รทก.) มีปริมาณน้ำเก็บกัก 54.62 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 73.36 ของความจุ เพิ่มขึ้นจากมื้อวาน 0.06 ซม. เจ้าหน้าที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลล่าง ทำการเปิดประตูระบายน้ำทั้ง 7 บาน โดยยกระดับบานประตูขึ้น บานละ 1.70 ม. ระบายน้ำออก 5 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เพื่อเตรียมพื้นที่ไว้รองรับมวลน้ำที่จะมาใหม่


 

 

นายจำรัส สวนจันทร์ ผอ.โครงการชลประทานศรีสะเกษ แจ้งว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำยังไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากอ่างเก็บน้ำ และ ลุ่มน้ำต่างๆ ยังปกติ หากเทียบกับปี 2565 ยกเว้นลำน้ำห้วยทับทัน ซึ่งมีต้นน้ำมาจากจังหวัดสุรินทร์พบปริมาณน้ำค่อนข้างสูง จึงขอเตือนราษฎรทั้งสองฝั่งลำห้วยทับทันให้เตรียมระวัง เพราะอาจมีน้ำท่วมฉับพลันจนสร้างความเสียหายได้

 

 

ขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 16 แห่ง ปัจจุบันมีน้ำเกิน 100 % จำนวน 10 แห่ง อยู่ระหว่าง 80 ถึง 99 % จำนวน 3 แห่ง และ น้อยกว่า 80 % จำนวน 3 แห่ง  ซึ่งอ่างเก็บน้ำทั้ง 16 แห่งนั้นเก็บกักได้ 208.34 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันเก็บกักได้ 195.07  ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 93.63%  ถือว่าต่ำกว่าปี 2565 ในช่วงเวลาเดียวกัน.-008 

 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top