ย้าย 6 ตร.โต๊ะจีน
ขังเรือนจำกรุงเทพ
ผบ.คุกสั่งแยกแดน
ห้ามพบ‘กำนันนก’
ตำรวจ คุมตัว 6 นายตำรวจในคดีช่วยเหลือ “กำนันนก”ย้ายเข้าเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพฯ ด้าน ผบ.เรือนจำฯยืนยันป้องกันเข้ม ทั้งสองฝ่ายต้องไม่เจอกัน ดีเอสไอเค้นต่อฮั้วประมูล“กำนันนก” เตือนบริษัทเบี้ยวพบโทษคุก1ปี
เมื่อวันที่20 กันยายน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จังหวัดสมุทรสงคราม อนุญาตให้โอนการฝากขังตัวผู้ต้องหา ตำรวจทั้ง 6 นาย ที่ถูกดำเนิน คดีฐานให้การช่วยเหลือผู้กระทำผิดและซ่อนเร้นพยานหลักฐานในคดี ‘กำนันนก’ มาควบคุมตัวในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ต่อมาในบ่ายวันเดียวกัน ชุดหนุมานจากกองปราบปราม ได้คุ้มกันตำรวจ 6 นาย ที่ถูกดำเนินคดีฐานให้การช่วยเหลือผู้กระทำผิดและซ่อนเร้นพยานหลักฐานในคดี ‘กำนันนก’ ย้ายจากเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรสงคราม มาคุมขังที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพฯ มาควบคุมอยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อป้องกันการแทรกแซงจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
นายนัสที ทองปลาด ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดเผยว่าเมื่อผู้ต้องขังเหล่านี้มาถึง ก็เข้าขั้นตอนของการแยกกักโรคโควิด-19 จำนวน 10 วัน (ห้องกักโรค 5 วันและห้องกันชนอีก 5 วัน) และเมื่อครบการกักโรคแล้วก็จะมีการพิจารณาจำแนกลักษณะผู้ต้องขังเพื่อไปยังแดนต่างๆภายในเรือนจำ
สำหรับประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าหากตำรวจทั้ง 6 นาย ได้ย้ายมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อาจจะถูกพิจารณาไปอยู่ที่แดนขังเดียวกับ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก หรือไม่นั้น ตามหลักการพิจารณาของคณะกรรมการจำแนกลักษณะผู้ต้องขัง จะมีการประชุมหารือกันถึงประวัติส่วนตัวของผู้ต้องขัง ฐานความผิดและพฤติการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา เพราะว่าจะต้องมีการป้องกันไม่ให้โจทก์และจำเลยอยู่ในแดนขังเดียวกัน และจำเป็นต้องแยกออกจากกัน ป้องกันเรื่องของความปลอดภัย และเหตุที่ไม่คาดคิดอื่นๆ ได้ ซึ่งแดนขังภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 8 แดน แต่ละแดนจะมีการกั้นออกจากกันชัดเจน มีประตูแดนที่จะปิดสนิทตลอดเวลา มีกำแพงกั้นสูง และมีโรงเลี้ยงอาหารประจำแต่ละแดนขัง ซึ่งจะทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่ได้เจอกันหรือว่ามีความข้องเกี่ยวกัน ยืนยันได้ว่ากำนันนกและตำรวจทั้ง 6 นาย จะไม่ได้เจอกันแน่นอน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้กำนันนกยังอยู่ในแดนกักโรค ซึ่งภายในวันนี้จะมีการประชุมของคณะกรรมการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังและจะทราบผลว่าเจ้าตัวจะถูกย้ายไปคุมขังที่แดนใด เนื่องจากกักโรคครบ 10 วันเรียบร้อยแล้ว ผลการพิจารณาของคณะกรรมการจะพิจารณาอย่างเหมาะสมที่สุด
ส่วนความเป็นไปได้ที่ กำนันนก จะถูกพิจารณาไปอยู่ที่แดน 5 หรือไม่ นายนัสที บอกว่า เนื่องจากเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังที่จะต้องมีการประชุมหารือรายละเอียดเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความมั่นคง ลักษณะคดีว่าเป็นคดีเด็ดขาดหรือไม่ และในพื้นที่แดนขังนั้นมีโจทย์เก่าหรือไม่ เพราะว่าเวลาตนร่วมประชุมในฐานะประธานคณะกรรมการ จะต้องสอบถามว่าภายในแดนนั้นมีปัญหาหรือมีเครือข่ายของผู้ต้องหาอยู่หรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอะไรตามมาในภายหลัง ซึ่งก็เป็นหลักการทั่วไปที่จะต้องพิจารณา แต่เรื่องความปลอดภัยของทุกแดนมีเจ้าหน้าที่เรือนจำฯ กำกับดูแลอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว คาดว่าอย่างช้าสุด ในช่วงเย็นของวันนี้ก็จะทราบผลว่า กำนันนก จะถูกพิจารณาไปที่แดนขังใด
วันเดียวกัน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม กล่าวถึงประเด็นการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุย้อนหลังในพื้นที่ของบ้านกำนันนก ว่า ในขั้นตอนของการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมบริเวณจุดเกิดเหตุ จะต้องเก็บข้อมูลในหลายส่วนทั้งพยานแวดล้อมและพยานวัตถุ ซึ่งส่วนนี้ก็จะมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ ย้อนหลังไปมากกว่า 3 วัน เพราะมีสาระสำคัญ เพื่อดูพฤติกรรมของบุคคลที่อยู่ในสถานที่ก่อนเกิดเหตุ ว่ามีการเตรียมการ และมีการเตรียมการที่จะก่อเหตุหรือไม่ รวมถึงบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ขณะเกิดเหตุ ได้มีการร่วม พูดคุยหรือพบปะกันในเชิงนัดแนะ
พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยถึงกรณีการแจ้งข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในมาตรา 157 ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 13 นาย ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีบุคคลใดบ้างจะถูกแจ้งข้อหาดังกล่าว โดยคณะพนักงานสอบสวนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนและสอบสวน ลงพื้นที่ไปสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในงาน โดยแบ่งชุดสืบสวน 1 ชุด ต่อตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ 1 นาย เพราะต่างคนต่างมีพฤติการณ์ไม่เหมือนกัน จึงจำเป็นต้องจัดให้มีการสอบสวน 1 ชุดต่อ 1 นาย จากนั้นจะนำสำนวนการสอบปากคำมารวบรวมและพิจารณาอีกครั้ง ว่าบุคคลใดมีพฤติการณ์อย่างไร
จากการสอบปากคำไปก่อนหน้านี้แล้ว ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางรายที่ให้การขัดแย้งกันอยู่ และบางรายยังคงให้การไม่ครบถ้วนทุกประเด็น ซึ่งทีมสืบสวนชุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทีมสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ยังคงสนับสนุนให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นได้ประสานไปทางพนักงานอัยการเกี่ยวกับคดีการทุจริต และต้องดูข้อมูลการสืบสวน พยานหลักฐานโดยละเอียด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ อาคารเอ ชั้น 7 กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ “กองฮั้วประมูล” กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า หลังมีการออกหมายเรียก 58 บริษัทที่เคยยื่นซื้อซองราคาในโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ แต่ไม่เข้าร่วมในขั้นตอนการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เพื่อมาสอบปากคำ ระหว่างวันที่ 18-20 ก.ย.นี้ โดยนำร่อง 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการประกวดราคาจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย อ.ดอนตูม - ต.ลำลูกบัว (ปีงบประมาณ 2560) งบประมาณ 300 ล้านบาท และ 2.โครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย ต.ลำลูกบัว - บรรจบทางหลวงหมายเลข 346 (ปีงบประมาณ 2564) งบประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทของ “กำนันนก” หรือบริษัททั้งหมดถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าร่วมการประมูลโครงการหรือไม่นั้น
สำหรับวันนี้เป็นวันที่ 3 ออกหมายเรียกตัวแทนล็อตสุดท้าย 18 บริษัท เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน แบ่งเป็น 9 บริษัท ซึ่งเคยยื่นซื้อซองประมูลในโครงการประกวดราคาจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย อ.ดอนตูม - ต.ลำลูกบัว (ปีงบประมาณ 2560) ส่วนอีก 9 บริษัท ซึ่งเคยยื่นซื้อซองประมูลในโครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย ต.ลำลูกบัว - บรรจบทางหลวงหมายเลข 346 (ปีงบประมาณ 2564)
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ ระบุว่าหลังจากเรียกตัวแทนบริษัทมาสอบปากคำเสร็จสิ้นจะรวบรวมพยานหลักฐานเสนอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษตาม พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ม.21 วรรค 1 (ง) คดีความผิดทางอาญาที่มีผู้ทรงอิทธิพลที่สำคัญเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน โดยในช่วง2 วันแรก (18-19 ก.ย.) มีบริษัทเข้ามาให้ปากคำแล้วรวม 21 บริษัท ขณะที่อีก 19 บริษัท ขอเลื่อนเข้าพบตามกำหนดนัดหมาย ซึ่งให้เวลาตระเตรียมเอกสารทั้งหมดก่อน แต่ต้องเดินทางมาชี้แจงแม้จะรับเป็นคดีพิเศษแล้ว หากไม่มาโดยไม่มีเหตุอันควรจะมีโทษจำคุก 1 ปี สำหรับรายละเอียดคำให้การของแต่ละบริษัทว่า “กำนันนก” เป็นผู้มีอิทธิพลหรือข่มขู่หรือไม่นั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเป็นเรื่องในสำนวนการสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศช่วงเช้าที่ผ่านมา มีตัวแทนประมาณ 10 บริษัท เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมชี้แจงข้อมูล โดยไม่มีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี