กทม.เร่งขับเคลื่อนแผนป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน-สถานศึกษา-สถานประกอบการ ศป.ปส.เขต ค้นหาผู้เสพ-ผู้ติด เข้าบำบัดแล้ว 1,646 ราย 50 เขตขยายพื้นที่ลง 213 ชุมชน
นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กล่าวถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ ตามแนวทางที่รัฐบาลประกาศนโยบายกวาดล้างยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติว่า กรุงเทพมหานคร ได้จัดทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ พ.ศ.2565-2570 มีวิสัยทัศน์ “กรุงเทพมหานครปลอดภัยจากยาเสพติดด้วยเครือข่ายความร่วมมือที่มีศักยภาพ” ประกอบด้วย 1.มาตรการป้องกัน 2.มาตรการบำบัดฟื้นฟู 3.มาตรการปราบปราม และ 4.มาตรการบริหารจัดการ โดยจัดทำแผนปฏิบัติการรายปี โดยปี 2567 มีภาคีเครือข่ายทั้งภายในและนอกสังกัด กทม.ร่วมกำหนดเป้าหมาย ยุทธศาสตร์การป้องกันแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร(ปปส.กทม.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กรมคุมประพฤติ กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็ก กรมกิจการเด็กและเยาวชน สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมถึงภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมและภาคประชาชน ซึ่งจะถ่ายทอดการปฏิบัติลงสู่ชุมชนครอบคลุม 50 เขตต่อไป
ขณะเดียวกันได้ส่งเสริมและสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนสถานศึกษา และสถานประกอบการอย่างต่อเนื่องโดยขับเคลื่อนกลไกผ่านศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเขต (ศป.ปส.เขต) 50 เขต จัดให้มีอาสาสมัครเฝ้าระวังภัยและยาเสพติดกรุงเทพมหานคร อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานครเชี่ยวชาญยาเสพติดสนับสนุนการดำเนินงานโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE ในชุมชน สถานศึกษา และสถานประกอบการ ส่งเสริมการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน สนับสนุนการดูแลผู้มีปัญหายาเสพติด โดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง หรือเป็นฐาน และการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดประสานการช่วยเหลือกับศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม และการดำเนินงานชุมชนเข้มแข็งยั่งยืน ส่วนสถานประกอบการได้จัดกิจกรรมเสริมความรู้เท่าทันต่อปัญหายาเสพติดให้กับพนักงาน สนับสนุนการดำเนินงานตามมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) ตรวจคัดกรองการใช้ยาเสพติดในกลุ่มพนักงาน และส่งเสริมความรู้ รวมถึงแนะนำให้กลุ่มแรงงานนอกระบบป้องกันตนเองจากยาเสพติดและเข้าถึงระบบการรักษา ส่งผลให้สามารถค้นหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่การบำบัดได้ 1,646 ราย ค้นพบผู้สงสัยมีอาการทางจิต 16 ราย โดยสำนักงานเขต50 เขต จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 136 ชุมชน และขยายพื้นที่ดำเนินการเพิ่ม 77 ชุมชน รวมทั้งสิ้น 213 ชุมชน
นอกจากนั้น ยังได้จัดทำแนวทางการคัดกรอง ดูแลช่วยเหลือนักเรียน และดำเนินแนวทางการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโทษพิษภัยและอันตรายของยาเสพติดประเภทต่างๆ โดยสอดแทรกผ่านกิจกรรม ในชั้นเรียนตามช่วงวัยที่เหมาะสม ระดับปฐมวัย ใช้หลักสูตรทักษะทางสมอง EF หรือ Executive Function เด็กอายุ 3-5 ปี ในสถานรับเลี้ยงเด็กกลางวันและศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในชุมชน ระดับประถมศึกษา ให้ความรู้เสริมสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดโดยใช้แนวคิดศูนย์ศึกษาชีวิต (Life Education Center) ระดับชั้นมัธยมศึกษา มีระบบคัดกรองนักเรียน โดยใช้แบบประเมินภูมิคุ้มกันยาและสารเสพติดในโรงเรียนสังกัดกทม. แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ภูมิคุ้มกันปกติ ภูมิคุ้มกันต่ำ และกลุ่มที่มีความเสี่ยง และให้การช่วยเหลือ ประกอบกับการสอนทักษะชีวิตป้องกันยาเสพติด และจัดกิจกรรมผ่านศูนย์ SDLC (SELF DISCOVERY LEARNING CENTER) ที่เหมาะสมกับวัย3-15 ปี ภายใต้กรอบความรู้ “เรียนเล่นเรียนรู้ สู่การค้นหาคุณค่าตนเอง” ปัจจุบันรับนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัย ประถมศึกษา และมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ทั้งในและนอกสังกัด กทม.อีกทั้งโรงเรียนสังกัด กทม.ได้จัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE และศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE เพื่อสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี