วันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ศาลจำคุก‘ชัยวัฒน์’3ปี  โดนม.157คดีจับ‘บิลลี่’  ยกฟ้องอุ้มฆ่าทำลายศพ

ศาลจำคุก‘ชัยวัฒน์’3ปี โดนม.157คดีจับ‘บิลลี่’ ยกฟ้องอุ้มฆ่าทำลายศพ

วันศุกร์ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag : ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร คดีบิลลี่
  •  

ศาลอาญาคดีทุจริตฯพิพากษาจำคุก 3 ปี “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร”คนเดียว ข้อหาผิดม.157 ไม่ทำบันทึกจับกุม“บิลลี่–พอละจี”ส่งตำรวจแก่งกระจานข้อหาลักน้ำผึ้งป่า ส่วนข้อหาอื่น“อุ้มฆ่า-เผาทำลายศพ”ยกฟ้องพร้อมลูกน้อง ทนายครอบครัวบิลลี่ยันอุทธรณ์แน่ ด้านทนายของผอ.ชัยวัฒน์ยื่นประกัน ศาลอนุญาตตีราคาประกัน 8แสน ห้ามออกนอกประเทศ

เมื่อวันที่ 28กันยายน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีอุ้มฆ่านายพอละจี รักจงเจริญหรือบิลลี่ หมายเลขดำที่ อท 166/65 ที่พนักงานอัยการ สํานักงานฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กับพวกรวม 4 คน เป็นจําเลย ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หน่วงเหนี่ยวกักขัง ร่วมกันละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ


อัยการโจทก์ฟ้องความผิดสรุปว่า จําเลยทั้งสี่ร่วมกันจับกุมตัวนายพอละจี รักจงเจริญหรือบิลลี่ แกนนำกลุ่มชาติพันธุ์ ชาวกะเหรี่ยงที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ 6 (ด่านเขามะเร็ว) ความผิดฐานนำของป่า (น้ำผึ้ง) ออกจากเขตอุทยานแห่งชาติ โดยจําเลยทั้งสี่ไม่ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้ควบคุมตัวนายพอละจีหรือบิลลี่พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี แต่ควบคุมตัวนายพอละพร้อมของกลางไปยังสถานที่ใดไม่ปรากฏ โดยใช้อาวุธปืนควบคุมตัวนายพอละจีไว้ในรถกระบะเป็นการข่มขืนใจนายพอละจีให้ต้อง ยอมไปกับจำเลยทั้งสี ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินและอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ หน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง นายพอละจีให้ปราศจาก เสรีภาพในร่างกาย

ต่อมาจําเลยทั้งสี่ร่วมกันฆ่านายพอละจี โดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะนายชัยวัฒน์ จําเลย ที่ 1 มีเหตุขัดแย้งและมีสาเหตุโกรธเคืองกับนายพอละจีเป็นเหตุให้นายพอละจีถึงแก่ความตาย จากนั้นจำเลยทั้งสี่ร่วมกันเผาทำลายศพแล้วเก็บชิ้นส่วนศพ ที่เหลือจากการเผาเศษเถ้าถ่านและที่เหลือใส่ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ไปทิ้งน้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน เพื่อทำลายหลักฐานอำพรางคดีแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อน การชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น เหตุเกิดที่ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 83,86,81,157,289,309,310 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ทั้งนี้ จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจําเลยตามทางไต่สวนแล้ว เห็นว่า สำหรับความผิดข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ไม่นำตัวนายพอละจี พร้อมของกลางส่งให้เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้ เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งพยานหลักฐานโจทก์ และโจทก์ร่วมรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ไม่นำตัวนายพอละจี พร้อมของกลางนํ้าผึ้งป่าส่งให้เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจดำเนินการตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยที่ 1 มีความผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2-3 ไม่มีเจตนาพิเศษร่วมทำผิด จำเลยที่ 4 ไม่มีเจตนา สนับสนุนการทำผิด จึงไม่มีความผิด

ส่วนความผิดข้อหาร่วมกันข่มขืนใจ หน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง โดยมีอาวุธเป็นเหตุให้นายพอละจีผู้ถูกเหนี่ยวกักขังหรือต้อง ปราศจากเสรีภาพนั้นถึงแก่ความตาย การพิจารณาพบว่าคำให้การและพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสี่มีพิรุธ หลายประการ แต่จะนำเฉพาะคำให้การของจำเลยทั้งสี่เป็นพิรุธมาลงโทษไม่ได้ หลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมมีเพียงภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดที่ชี้ให้เห็นว่าคำให้การจำเลยทั้งสี่มีพิรุธ แต่ภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดไม่ชัดเจนพอที่จะยืนยันการทำผิด ประกอบไม่มีหลักฐานทั้งพยาน บุคคล วัตถุพยาน หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันได้ว่าจำเลยทั้งสี่พานายพอละจีไปด่านเขาสามยอด ตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตั้งประเด็นหรือไปสถานที่ใด พยานจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอรับฟังว่าทำผิดโดยจำเลยทั้งสี่

สำหรับความผิดข้อหาร่วมกันฆ่านายพอละจีหรือบิลลี่โดยไตร่ตรอง ผลตรวจดีเอ็นเอชิ้นส่วนกระดูกขมับ ข้างซ้าย วัตถุพยานที่พบใต้น้ำในเขื่อนแก่งกระจาน การวิเคราะห์กระดูกวัตถุพยาน พบว่าเป็นของบุคคลอายุ 20 ปีขึ้นไปไม่สามารถบอกเพศ ความสูง เชื้อชาติ องค์ประกอบสำคัญในการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลได้ คดีนี้ยังมีข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นการจำกัดวง อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้ และไม่มีแพทย์หรือผู้ตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันผลได้ว่า ชิ้นส่วนกระดูกวัตถุพยานเป็นของนายพอละจีหรือบิลลี่ จึงฟังไม่ได้แน่ ชัดว่ากระดูกขมับข้างซ้าย เป็นของนายพอละจี มีผลให้ฟังไม่ได้ ว่านายพอละจีถึงแก่ความตายแล้วหรือไม่ ทำให้ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานฆ่าผู้อื่น

ความผิดข้อหาร่วมกันเผาทำลายศพนายพอละจี และเก็บชิ้นส่วนศพที่เหลือบรรจุใส่ถังน้ำมัน 200ลิตร ไปทิ้งใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่ง กระจาน เพื่อทำลายหลักฐาน เมื่อพิสูจน์ไม่ได้ว่ากระดูกขมับข้างซ้าย วัตถุพยานเป็นของนายพอละจีประกอบกับโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสาม ไม่มีประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมใกล้ชิดเห็นหรือเชื่อมโยงได้ว่าจำเลยทั้งสี่นำถังน้ำมันของกลางไป ทิ้งในเขื่อน จึงไม่มีพยานรับฟังลงโทษจำเลยทั้งสี่เช่นกัน

พิพากษาว่า จําเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157(เดิม) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 3 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก ส่วนจำเลยที่ 2-4 ให้ยกฟ้อง

ขณะที่ นางพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยานายบิลลี่กล่าวสั้นๆว่า ไม่มีอะไรจะพูด แต่อยากรู้ว่า บิลลี่ หายไปไหน เป็นอย่างไรบ้าง

ด้านทนายความโจทก์ร่วมกล่าวว่า ศาลพิพากษานายชัยวัฒน์ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบเท่านั้น ส่วนข้อหาฆ่าผู้อื่นยกฟ้อง อยากให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกภาคส่วน ร่วมกันช่วยค้นหาความจริง ที่ผู้นำชุมชน หายตัวไปทั้งคน ครอบครัวได้รับความทุกข์ยากเศร้าสะเทือนใจ ส่วนเรื่องการยื่นอุทธรณ์ ข้อหาฆ่า ผู้อื่น และข้ออื่นๆ ขอปรึกษาอัยการโจทก์ และโจทก์ร่วมก่อน แต่คิดว่าต้องยื่นอุทธรณ์แน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาทนายความ นายชัยวัฒน์ ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ นายชัยวัฒน์ ประกันตัวไป โดยตีราคประกัน 8แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล

นายชัยวัฒน์ เปิดเผยภายหลังได้รับการประกันตัวว่า ขอขอบคุณศาลที่เมตตาและขอบคุณทีมทนายความ คดีนี้ศาลไต่สวนพยานและพิจารณาสำนวนทั้งหมดด้วยพยานหลักฐานทั้งทางนิติวิทยาศาสตร์ ข้อเท็จจริงทั้งหมด ที่มีกล่าวหาว่าตนกับพวกไปเกี่ยวข้องกับนายบิลลี่ โดยที่ผ่านมาพวกตนก็ยืนยันมาตลอดว่าไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายบิลลี่ แต่ตนถูกลงโทษในเรื่อง การปล่อยตัวนายบิลลี่กลางทาง จำคุก 3 ปีไม่รอลงอาญา ซึ่งตนเตรียมจะยื่นอุทธรณ์อยู่แล้วในส่วนของ ความผิดมาตรา 157 ในการที่ละเว้น ไม่นำตัวผู้ต้องหาไปส่งพนักงานสอบสวน โดยพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ กรมอุทยานทั่วไปนั้น มีความสุ่มเสี่ยงที่จะผิดตามมาตรา157กันทุกคน เพราะว่าเราอยู่ในชุมชนนั้น แล้วเราพยายามจะอยู่กับชุมชนให้ได้โดยไม่ทะเลาะกัน โดยเฉพาะตนไม่เคยจับชาวบ้าน จากหมู่บ้านบางกลอย จ.เพชรบุรีเลย อย่างเหตุในคดีนี้เป็นเรื่องของน้ำผึ้งป่าที่ตามกฎหมายเดิม จะไม่สามารถให้ชาวบ้าน หรือชุมชนนำของป่าออกไปขายได้

‘แต่ปัจจุบันนี้มีการออกกฎหมายใหม่ ให้สิทธิ์ทำกินราษฎรได้ เก็บของป่าอยู่ภายใต้กฎหมาย ตนก็จะพยายามสู้ในประเด็นนี้ แต่ก็เข้าใจที่ศาลตัดสินเช่นนี้ ข้อกฎหมายกับหลักปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่นั้น ทำให้ค่อนข้างสุ่มเสี่ยง ดังนั้นวันนี้จึงเป็นกรณีตัวอย่าง ให้กับน้องๆ เจ้าหน้าที่อุทยานทุกคนว่าอย่าท้อ ในสิ่งที่เราปฏิบัติอยู่ น้องๆทุกคนผู้พิทักษ์ป่าทุกคน เราปกป้องป่า เราดูแลสัตว์ป่า ดูแลน้ำ เพื่อคนทั้งประเทศ เราก็จึงมีความหวังว่าในชั้นอุทธรณ์ศาลจะเมตตาขอให้เรามีที่ยืนในสังคมบ้างขณะที่เราทำงาน ตนไม่มีเจตนาที่จะไปทำร้ายใครทั้งนั้น และก็ไม่เคยจับกุมกลุ่มชาติพันธุ์ แม้แต่คนเดียว แม้กระทั่งคนที่ไปทำร้ายป่า ที่ตนดูแลจนสภาพยับเยินก็ตาม ตนยังมีโอกาสต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป”นายชัยวัฒน์ กล่าวยืนยัน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ล้มได้ก็ลุกเป็น ‘นิน เพชรพัณณิน’กีฬา การเมือง ชีวิต ความรัก

‘ในหลวง-พระราชินี’เสด็จฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วันวิสาขบูชา 2568

สื่อเวียดนามจับตาไทย ผ่อนปรนขายน้ำเมาวันพระใหญ่ได้บางสถานที่ หวังกระตุ้นท่องเที่ยว

'มาดามหยก'ปลื้มปชช.นับหมื่นคน พร้อมใจเดินขึ้นดอยสุเทพฯ ร่วมถวายเครื่องสักการะ และสรงน้ำพระบรมธาตุฯ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved