nn ฝนตกอย่างนี้ลักษณะนี้ และตกติดต่อกันยาวนาน อย่าว่าแต่ กทม.เลยที่เกิดน้ำท่วม จังหวัดทางภาคเหนือหลายจังหวัดช่วง 2-3 วัน ที่ผ่านมาก็ท่วมสาหัสทั่วหน้า จังหวัดตราด จันทบุรี เมื่อต้นเดือนกันยายนและกลางเดือนฝนตกหนักติดต่อกันแค่ 3 ชั่วโมง สุดท้ายน้ำท่วมขังสร้างความเสียหายให้กับประชาชนหนักหน่วงทันทีทันใดเช่นกัน ดังนั้นใน กทม.เมื่อฝนตกหนักปริมาตรน้ำฝนมีมากในบางเขตบางพื้นที่ ก็เป็นธรรมดาที่น้ำต้องท่วมขัง เพราะระบายออกไม่ทัน รวมทั้งการระบายไม่สมดุลกับปริมาตรน้ำฝนที่ตกลงมาหนำซ้ำท่อระบายน้ำที่มีอยู่เดิมๆ เป็นจำนวนมากมีขนาดเล็กอีกต่างหาก แถมการก่อสร้างโครงการใหญ่ๆ หลายจุดยังไม่แล้วเสร็จ ที่สำคัญพื้นที่โดยรวม ของ กทม.ยังเสี่ยงภัยน้ำท่วมน้ำทุกปีด้วย...

nn ดังนั้นไม่ว่าใครมาเป็นผู้ว่าฯกทม. และป่าวประกาศว่า “ต่อจากนี้ไปประชาชนจะไม่ต้องเจอะเจอกับปัญหาน้ำท่วมขังอีกถ้าเลือกคนคนนั้นเป็นผู้ว่าฯกทม.” วลีคำพูดดังกล่าวถือว่าโกหกหลอกลวง ต่อให้ผู้ว่าฯคนนั้นมี “สิบหน้ายี่สิบกร” น้ำก็ท่วม กทม. หากตราบใดเวลาใดที่มีฝนตกหนัก ส่วนจะท่วมมากท่วมน้อย อันนี้ตรงนี้อยู่ที่ความสามารถของการบริหารจัดการ ล่าสุดเมื่อมีน้ำท่วมขังขึ้นหลายๆ แห่งของ กทม.สืบเนื่องจากมีฝนตกหนัก ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็น้อมรับ พร้อมบอกประชาชนตรงไปตรงมาว่าท่วมจริง แต่จะปล่อยให้ท่วมนานไม่ได้ ซึ่งสั่งการกำชับให้ สำนักการระบายน้ำ (สนน.) สำนักการโยธา (สนย.) ทำงานประสานกับเขตอย่างรัดกุมรวดเร็วและรอบคอบ...

nn อย่างไรก็ตามสำหรับปัญหาฝนตกน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ของ กทม. ทำให้ ผู้ว่าฯชัชชาติ ถึงกับไม่ได้กินไม่ได้นอนทีเดียว เพราะต้องลงพื้นที่ทุกจุด และตอกย้ำกับคนใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา เรามาเพราะประชาชนไว้วางใจให้เข้ามา เมื่อเข้ามาแล้วจะต้องทำงานให้คุ้มค่าเงินภาษีประชาชนมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ผู้ว่าฯชัชชาติ จึงกลายเป็น “ขวานฟ้าหน้าดำ” ไม่ได้พักผ่อน ฝนตกหนักต้องลงพื้นที่ทำความอุ่นใจให้ประชาชนตลอดเวลา...

nn น่าเสียดายข้าราชการระดับ ผอ.เขต หลายคนที่เกษียณอายุราชการไปทั้งๆ ความรู้ความสามารถ สมองเหมือนแบตเตอรี่ที่ยังมีพลังไฟเต็มร้อย เมื่อเกษียณออกไปก็ไม่ได้แปลว่า กทม.จะไม่ต้องจ่ายเงินเดือนให้เขาอีก เนื่องจากข้าราชการที่เกษียณ ส่วนใหญ่สมัครรับบำนาญกินตลอดชีวิต ตรงกันข้ามถ้าเขาเหล่านั้นบางคนยังทำงานอยู่ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนบ้านเมืองอย่างมาก แต่เพราะกฎหมายถูกผูกเอาไว้ให้แค่ 60 ปี ท่ามกลางที่ไม่มีเสียงทักท้วงแนะนำให้มีการแก้ไขกฎระเบียบตัวนี้เลยทั้งๆ กระทำได้ (สภาผู้แทนราษฎรถก) ถ้าขยับออกไปอีกสัก 5 ปี (เกษียณที่ 65) จะทุเรศหรือน่าเกลียดตรงไหน ส่วนใครจะหยุดที่ 60 ก็ไร้ปัญหาย้ำว่าหน้าตาคน 60 ปีวันนี้ไม่แก่ “ไผ่ฎำ” 68 ก็ยังไม่เห็นแววว่าชราภาพตรงไหน...nn

ไผ่ฎำ