ร้องปปช./ตั้งผบ.ตร.โดยมิชอบ
ฟันนายกฯ-9 ก.ตร.
‘เสรีพิศุทธ์’ซัดเตือนแล้วไม่ฟัง
เอาผิด ม.157-จ่อยื่น ม.112 ซ้ำ
เศรษฐายันไม่ได้ลุแก่อำนาจ
อนันต์ชัยชี้คนในรบ.ห้ามพูด
“ทนายอนันต์ชัย”แถลงยิบแฉมีคนใหญ่ในรบ.โทรมาห้ามให้สัมภาษณ์เรื่องแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ ยันไม่เคยรับเงินค่าทนาย 10 ล้าน ก่อนเปิด“ซูเปอร์บิ๊กเซอร์ไพรส์” ควง“เสรีพิศุทธ์” ยื่นหนังสือร้องป.ป.ช.เอาผิด “นายกฯ- 9 ก.ตร.” เห็นชอบตั้ง “ต่อศักดิ์” นั่งผบ.ตร.คนที่14ฉะขัดรธน.-ผิดม.157 ข้ามอาวุโส ระบุเคยเตือนแล้วแต่ไม่ฟังชี้ถึงงดออกเสียงแต่ก็ผิด เพราะเป็นคนเสนอชื่ออัดยับทำลายองค์กรตำรวจ โฆษกรัฐบาลออกโรงโต้ ยันนายกฯยึดหลักกฎหมาย-รับฟังรอบด้าน ก่อนชงชื่อ“บิ๊กต่อ”ถ้ามีใครฟ้อง พร้อมชี้แจงทุกที่
เมื่อวันที่ 5ตุลาคม นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความแถลงข่าว “Super Big Surprise” วงการสีกากี ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ว่า ได้รับมอบอำนาจจากผู้ใหญ่ ให้มายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อป.ป.ช. เบื้องต้น บอกเพียงว่านี่เป็นปฐมบทเท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะยื่นต่อจากนี้
สำหรับสาเหตุที่ตนมายื่นเรื่องต่อป.ป.ช.วันนี้ เพราะช่วงที่ตนได้ช่วยเรื่องคดีความของพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือ“บิ๊กโจ๊ก” และลูกน้องทั้ง 8 นาย มีโทรศัพท์จากคนในรัฐบาล เป็นพลเรือน มีตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาล โทรมาห้ามตนและพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่ให้สัมภาษณ์ ซึ่งแม้จะห้ามพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ แต่ห้ามตนไม่ได้ เพราะไม่ใช่พ่อ ตนมีหน้าที่เปิดเผยความจริง ในฐานะทนายความ และผู้ใหญ่ที่ตนเชิญมาวันนี้ไม่มีใครสามารถห้ามได้เช่นกัน ทั้งนี้ ถ้าไม่ห้าม ตนคงไม่มายื่น บุคคลดังกล่าวให้เหตุผลที่ห้าม โดยอ้างว่า จะกระทบองค์กรตำรวจและรัฐบาล
ส่วนประเด็นที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่มีการตั้งทนายนั้น ถูกต้องแล้ว เนื่องจากการเป็นทนายความให้ ไม่จำเป็นต้องทำใบแต่งตั้ง ตอนนั้นตนรับคำขอให้ช่วยเหลือเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้จริง แต่ตอนนี้ตนไม่ได้ทำหน้าที่ทนายให้แล้ว พร้อมทั้งยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้เปลี่ยนฮ่องเต้จากพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่ความสัมพันธ์ยังดีกันอยู่
“ที่มีคำกล่าวอ้างว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จ้างเป็นทนาย 10 ล้านบาท และได้มา 5 ล้าน ขอสาบานว่ายังไม่เงินสักบาทเดียว เขาหนีร้อนมาพึ่งเย็น ยังไม่ได้ตกลงค่าทำคดีกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และลูกน้อง 7 คน ถือว่าทำให้เกิดความเสียหาย หาว่ารีดไถ และยังไม่ได้เงินซักบาท” นายอนันตชัยระบุ
และประกาศย้ำว่า ไม่ว่าใครก็ห้ามตนไม่ได้ ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา แต่เป็นองค์กรอิสระ และวิชาชีพทนายความเป็นองค์กรเดียวที่คานอำนาจตำรวจ อัยการ ผู้พิพากษา ราชทัณฑ์ และทนายความเป็นองค์กรเดียวที่ฉีกออกมา ตนภูมิใจในวิชาชีพทนายความ จะเด็ดดอกไม้ให้สะเทือนดวงดาว หมายถึงดาวบนบ่าตำรวจ และวันนี้ Double Big Surprise ก็คือทนายกระดูกเหล็ก และผู้ใหญ่อีกคน
ทนายอนันต์ชัยยังฝากถึงสังคมให้คิดว่า คดีนี้จะเชื่อคำพูดใครมากกว่ากัน จะเชื่อตนที่เป็นทนายความมากว่า 38 ปี มีผลงานมากมายจนสภาทนายความตั้งฉายาทนายกระดูกเหล็ก หรือจะเชื่อพวก “ทแนะ” มั่นใจว่าคนไทยไม่ได้โง่สามารถคิดและวิเคราะห์เองได้
จากนั้นพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมนายอนันต์ชัย ทนายความ เดินทางเข้ายื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ร้องทุกข์กล่าวโทษคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้แก่ 1.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. 2.พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีตผบ.ตร. 3.พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. 4.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก อดีตรอง ผบ.ตร. 5.พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรอง ผบ.ตร. 6.พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ 7.ศ.ศุภชัย ยาวะประภาษ นายกสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ 8.นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาไทย 9.นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน 10.น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการรวม 10 คน ให้ตรวจสอบวินิจฉัยและชี้มูลความผิด นายกฯ-ก.ตร. 9 คน ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามป.อาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 91 และข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง กรณีแต่งตั้งพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผบ.ตร.
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 กันยายน นายเศรษฐาในฐานะประธาน กตร. เสนอชื่อพล.ต.อ.ต่อศักดิ์เพื่อให้ก.ตร.พิจารณาให้ความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 9 คน ข้างต้นได้มีมติเห็นชอบให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นผบ.ตร. ซึ่งเป็นการขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 258 ง.(4) เนื้อหาระบุว่า การแต่งตั้งต้องคำนึงถึงอาวุโส ความรู้ความสามารถประกอบกัน เป็นการผิดพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 78 (1) แม้นายเศรษฐางดออกเสียง แต่ถือว่าผิด เพราะเป็นคนเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้ที่ประชุมเลือก
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า หากการคัดเลือก ผบ.ตร.ครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 78 (1) ผู้ที่จะได้รับคัดเลือกลำดับที่ 1 คือ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ซึ่งมีอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์งานสอบสวน สืบสวน หรืองานป้องกันและปราบปราม ซึ่งมีอายุราชการ 24 ปี ลำดับที่ 2 คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีอายุราชการ 18 ปี ลำดับที่ 3 คือ พล.ต.อ.กิตติรัตน์ พันธ์เพ็ชร มีอายุราชการ 22 ปี ลำดับที่ 4 คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล มีอายุราชการเพียง 10ปี
“แต่นายกฯกลับเสนอชื่อพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ซึ่งเป็นรอง ผบ.ตร.ที่มีอาวุโสเป็นลำดับที่ 4 ให้ที่ประชุม ก.ตร.พิจารณา และกรรมการ ก.ตร.ทั้ง 9 ก็ให้ความเห็นชอบ ผมเป็นอดีต ผบ.ตร.ทนไม่ได้ต้องมาร้องต่อ ป.ป.ช. ซึ่งอยากให้ทำเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว หากพบเป็นการทำผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ป.ป.ช. ต้องส่งให้ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดำเนินการต่อไป และถ้าผิดก็ต้องตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี”พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว
และเผยว่า ก่อนหน้านี้ เตือนนายกฯไปแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ฟัง แล้วตนจะมีไมตรีทำไม เพราะคุณเป็นคนทำลายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ถึงคุณจะงดออกเสียง แต่คุณเป็นคนเสนอ ก็ผิดแล้ว เพราะเป็นต้นเหตุ ถ้าไม่เสนอคนอื่นจะลงมติได้อย่างไร
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยืนยันว่า การออกมายื่นฟ้องป.ป.ช.ทำเพื่อองค์กรตำรวจ ไม่ได้ทำเพื่อใคร เพราะพล.ต.อ.รอย รอง ผบ.ตร.ที่อาวุโสอันดับ 1 ก็เงียบไม่ต่อสู้เพื่อตัวเอง ถ้าตนเป็นรอง ผบ.ตร.เบอร์ 1 ตนฟ้องแล้ว ซึ่งพล.ต.อ.รอยควรไปร้องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม และถ้าตนเป็นผบ.ตร.จะตั้ง พล.ต.อ.รอย ให้เป็นผบ.ตร.คนต่อไป เพราะทำแบบนี้ ตร.จะเงียบสงบ แต่ที่ผ่านมามีการเมืองมาแทรก นายกฯก็เข้ามายุ่งทั้งที่ไม่ควร ทำให้องค์กรตำรวจเกิดปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีแบบนี้เข้าข่ายใช้ตำแหน่งหน้าที่แทรกแซงทางคดีหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่าต้องดูว่า ถ้าเป็น ส.ส.ก็มีความผิด ซึ่งนายอนันตชัยไม่ใช่ข้าราชการประจำ ความจริงสามารถพูดคุยขอร้องก็ได้แล้ว แต่ถ้าใช้การข่มขู่ก็เป็นความผิดตามกฎหมาย
ด้านนายอนันตชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า การแต่งตั้งผบ.ตร.ครั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าอาจเข้าข่ายความผิด มาตรา 112 ซึ่งเป็นการกระทำหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หลังจากนี้แล้วตนจะไปดำเนินการในเรื่องของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยจะฟ้องข้อหา มาตรา 112 กับผู้แต่งตั้ง เนื่องจากมีการเสนอแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ขณะที่นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงชี้แจงกรณีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์และนายอนันต์ชัยร้องป.ป.ช.ให้ตรวจสอบนายกฯและก.ตร.อีก 9 คน โดยยืนยันว่า การแต่งตั้งผบ.ตร.นั้น เป็นไปตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ วาระพิจารณาวันที่ 27 กันยายน มีรอง ผบ.ตร. 4 คนที่เข้าคุณสมบัติ ส่วนจเรตำรวจเกษียณอายุราชการ แล้วกฎหมายใหม่กำหนดเกณฑ์การคัดเลือก ผบ.ตร. จากความอาวุโส และความรู้ความสามารถ ประกอบกัน ซึ่งเรื่องความอาวุโสของแคนดิเดต จะมีพล.ต.อ.รอย อาวุโสสูงสุด โดยอายุมากกว่าแคนดิเดต 3 คน 1 ปี แคนดิเดตที่เหลือ 3 คนอาวุโสเท่ากัน ดังนั้น ความแตกต่างเรื่องอาวุโสจึงมีเพียง 2 ระดับ
ส่วนเรื่องความรู้ความสามารถนั้น โฆษกรัฐบาลระบุว่า ก่อนที่นายกฯ จะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นายกฯเปิดให้กรรมการฯแสดงความเห็น และตบท้ายด้วยการให้ผบ.ตร. ที่จะเกษียณ ตอนนั้นเป็นผู้นำเสนอว่า ในฐานะผู้บังคับบัญชาประเมินแคนดิเดตแต่ละคนว่าอย่างไร หลังรับฟังข้อมูลรอบด้านแล้ว นายกฯจึงตัดสินใจเสนอชื่อพล.ต.อ.ต่อศักดิ์เป็นผบ.ตร. และที่ประชุมหลังฟังการอภิปรายแล้ว ก็เห็นชอบ 9 ต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง เลือกพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นผบ.ตร.นี่คือข้อเท็จจริงเทียบกับข้อกฎหมาย การแต่งตั้งผบ.ตร.ครั้งนี้มีความชอบธรรม สมเหตุสมผล นายกฯไม่ได้ลุอำนาจ ยึดหลักกฎหมายและรับฟังรอบด้าน
อย่างไรก็ตาม หากมีการฟ้องร้อง จะชี้แจงตามข้อเท็จจริง ไปที่ไหนก็ชี้แจงได้ ไม่ใช่แค่นายกฯ เท่านั้น แต่คนในที่ประชุมที่นั่งฟังอยู่ รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น สามารถชี้แจงได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯปรารภเรื่องนี้อย่างไร นายชัย กล่าวว่า นายกฯ บอกแต่เพียงว่า นึกไม่ถึงจะเป็นปัญหากัน มันไม่ควรเป็นเรื่อ เสียเวลา เสียสมาธิ แต่เมื่อเป็นเรื่องขึ้นมาแล้ว สังคมก็อยากรู้ นายกฯ จึงให้มาทำความเข้าใจ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวา มั่นใจว่า ไม่ได้ลุอำนาจและทำตามรัฐธรรมนูญและปฏิเสธตอบคำถามว่า จะตั้งทีมกฎหมายใาดูเรื่องนี้หรือไม่ ก่อนจะขึ้นรถยนต์เดินทางกลับออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี