ฝนตกหนักถึง12ต.ค.
นายกฯลุยเยี่ยมอุบลฯ
กรมอุตุฯเตือนฝนตกหนักทั่วไทยถึง12 ตุลาคม “สมศักดิ์” เผยคกก.กองทุนฯเยียวยาน้ำท่วมสุโขทัย ขณะที่สทนช.สรุปสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ชุมชนใน 4 จังหวัด ส่วน นายกฯนำคณะลงเยี่ยมพื้นที่อุบลฯติดตามสถานการณ์น้ำ
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายอากาศทั่วไป ระหว่างวันที่ 6-12 ตุลาคม 2566 ว่า ช่วงวันที่ 6-8 ตุลาคม ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมด้านตะวันตกของประเทศไทย ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ เฉลี่ย 60-80% ของพื้นที่ สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร
ส่วนช่วงวันที่ 9-12 ตุลาคม ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน โดยมีบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เฉลี่ย 60-80% ของพื้นที่ สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร
ด้าน น.ส.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมฯ ฉบับที่ 2 เรื่อง พายุ “โคอินุ” โดยระบุว่า เมื่อเวลา 04.00 น.วันเดียวกันนี้ พายุไต้ฝุ่น “โคอินุ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ช่วงวันที่ 6-8 ตุลาคม 2566 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ โดยมีนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการฯ เข้าร่วม
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงสถานการณ์ที่ต้องเร่งช่วยเหลือคือเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ซึ่งช่วงนี้ฝนกำลังชุก รัฐบาล ต้องเร่งช่วยเหลือ โดยคณะกรรมการฯ มีมติช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยใน จ.สุโขทัย 9 อำเภอ 67 ตำบล 383 หมู่บ้าน 4,322 ครัวเรือน ซึ่งมีค่าอาหารจัดเลี้ยง วันละไม่เกิน 3 มื้อๆ ละไม่เกิน 50 บาทต่อคน พร้อมมอบถุงยังชีพ 2,000 ชุด เป็นเงินกว่า 1.4 ล้านบาท ส่วนที่ จ.ร้อยเอ็ด มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 11 อำเภอ 5,980 ครัวเรือน มีมติช่วยเหลือค่าอาหารจัดเลี้ยง วันละไม่เกิน 3 มื้อๆ ละไม่เกิน 50 บาทต่อคน พร้อมมอบถุงยังชีพ 1,000 ชุด เป็นเงินกว่า 7 แสนบาท ซึ่งภายหลังน้ำลด จะเร่งสำรวจความเสียหายของบ้านเรือน เพื่อเร่งช่วยเหลือเยียวยาต่อไป
นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ยังมีมติช่วยเหลือ ผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัยรวม 6 ราย ใน จ.สุโขทัย 5 ราย และ จ.ยโสธร 1 ราย มีค่าจัดการศพ รายละ 5 หมื่นบาท เงินทุนเลี้ยงชีพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 3 หมื่นบาท ส่วนบ้านประชาชนที่เสียหายจากน้ำท่วม มีเกณฑ์ช่วยเหลือเยียวยา คือค่าซ่อมแซมบ้าน เสียหายเกิน 70% ไม่เกินหลังละ 220,000 บาท เสียหาย 30-70% ไม่เกินหลังละ 70,000 บาท และเสียหายน้อยกว่า 30% ไม่เกินหลังละ 15,000 บาท หากมีประชาชน เสียชีวิตเพิ่มอีก คณะกรรมการฯ จะพิจารณาอย่างเร่งด่วน ส่วนภายหลังน้ำลด ก็จะเร่งสำรวจความเสียหายจากบ้านเรือน
ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวม ปริมาณน้ำทั้งประเทศ 55,306 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 31,158 ล้าน ลบ.ม.เฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เฝ้าระวังน้ำมาก 8 แห่ง ภาคเหนือ แม่งัดสมบูรณ์ชล แม่มอก และกิ่วลม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ห้วยหลวง ลำปาว หนองหาร น้ำพุง และอุบลรัตน์ ขอให้หน่วยงานพิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุดบริเวณท้ายเขื่อน และคำนึงถึงการเก็บกักน้ำสำหรับฤดูแล้ง
เฝ้าระวังน้ำน้อย 6 แห่ง ภาคเหนือ สิริกิติ์ ทับเสลา และบึงบอระเพ็ด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จุฬาภรณ์ ภาคตะวันออก คลองสียัด ภาคตะวันตก ปราณบุรี ขอความร่วมมือให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง และส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อย คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี
เฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่ม และน้ำล้นตลิ่ง สทนช.ประกาศ ฉบับที่ 1/2566 เรื่องเฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่ม และน้ำล้นตลิ่ง ในช่วงวันที่ 3–7 ตุลาคม 2566 ดังนี้ 1.เฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่ม ได้แก่ จ.เชียงใหม่ (อ.จอมทอง แม่แจ่ม อมก๋อย แม่วาง แม่แตง ฝาง ดอยเต่า ฮอด ดอยสะเก็ด และกัลยาณิวัฒนา) จ.ตาก (อ.เมืองตาก ท่าสองยาง สามเงา บ้านตาก แม่ระมาด วังเจ้า อุ้มผาง แม่สอด และพบพระ) จ.กำแพงเพชร (อ.โกสัมพีนคร คลองลาน และปางศิลาทอง) จ.ลำพูน (อ.ลี้ และทุ่งหัวช้าง) จ.แพร่ (อ.วังชิ้น และลอง) จ.ลำปาง (อ.เถิน แม่ทะ เสริมงาม และเกาะคา)
2. เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ดังนี้ แม่น้ำวัง ได้แก่ อ.สามเงา และบ้านตาก จ.ตาก แม่น้ำยม ได้แก่ อ.สวรรคโลก ศรีนคร ศรีสำโรง ศรีสัชนาลัย ทุ่งเสลี่ยม และเมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย และ แม่น้ำเจ้าพระยา คาดการณ์จะมีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรี อยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.00-1.50 เมตร
สถานการณ์อุทกภัย พื้นที่ชุมชน รวม 4 จังหวัด 15 อำเภอ 66 ตำบล 397 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,738 ครัวเรือน ดังนี้ จ.ตาก น้ำท่วม อ.สามเงา และบ้านตาก จ.กาฬสินธุ์ น้ำเอ่อล้นเขื่อนลำปาว ใน อ.เมือง ร่องคำ ฆ้องชัย ยางตลาด กมลาไสย สามชัย ท่าคันโท หนองกุงศรี สหัสขันธ์ และห้วยเม็ก จ.อุบลราชธานี น้ำท่วม อ.เมือง และวารินชำราบ จ.สมุทรปราการ น้ำท่วม อ.บางบ่อ ส่วนพื้นที่เกษตรกรรม รวม 17 จังหวัด 397,497 ไร่ ได้แก่ จ.ลำปาง สุโขทัย ตาก ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปราจีนบุรี และจันทบุรี
ทั้งนี้ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช.เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประเมินพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเพิ่มเติม พร้อมกับเฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดใหญ่หลายแห่งมีปริมาณน้ำมาก และคาดการณ์ฝนตกหนักช่วงวันที่ 6-7 ตุลาคม 2566 โดยกำชับให้หน่วยงานวางแผนระบายน้ำให้รัดกุม ไม่ซ้ำเติมพื้นที่น้ำท่วมท้ายน้ำ รวมทั้งเตรียมกักเก็บน้ำเพื่อใช้เป็นน้ำต้นทุนรับมือสถานการณ์เอลนีโญ และการวางแผนบริหารจัดการน้ำ 2 ปี
ขณะเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.อุบลราชธานี จ.ยโสธร แล จ.ร้อยเอ็ด ระหว่างวันที่ 6-7 ตุลาคม 2566 โดยเดินทางไปยังสำนักงานชลประทานที่ 7 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เพื่อประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัย และการป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยนายเศรษฐา กล่าวในที่ประชุมช่วงหนึ่ง ว่า จ.อุบลราชธานีและพื้นที่ข้างเคียงมีปัญหาเรื่องน้ำท่วม ซึ่งท่วมแล้วท่วมอีก ท่วมต่อไป เป็นที่ทราบกันดีและตระหนักถึงปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขแบบบูรณาการระยะยาวให้ได้ แม้ว่าขณะนี้ จ.อุบลราชธานี ยังไม่ถึงเวลาวิกฤตจริงๆ แต่หากไม่ทำอะไรไว้ก่อนก็จะอาจเกิดวิกฤตขึ้นได้ โดยจะกระทบภาคอุตสาหกรรมมหาศาล และเรื่องโรคระบาดที่จะตามมาก็เป็นเรื่องใหญ่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี