DSI จับแล้วนายทุนนำเข้าซากสุกร เถื่อน3ราย หลังออกหมายจับ 6 ราย 5 ตัวแทนบริษัท เตรียมนำไปฝากขังศาลพรุ่งนี้พร้อมค้านประกันกลัวยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน
วันที่ 20 ตุลาคม 2566 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสุกรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบ คดีพิเศษที่ 59/2566 หรือคดีนำเข้าหมูเถื่อน ของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI แถลงผลความคืบหน้าล่าสุดทางคดีว่า เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน DSI ได้ดำเนินการขออำนาจศาลออกหมายจับจำนวน 6 ราย จาก 5 บริษัทเอกชนที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของนายทุนในการสั่งซื้อเนื้อสุกรเข้ามาในประเทศไทย โดยสั่งซื้อจากแถบอเมริกาใต้และยุโรป ซึ่งเช้าวันนี้ DSI สามารถติดตามจับกุมได้แล้ว 3 ราย อยู่ระหว่างติดตามจับกุมอีก 1 ราย โดยทราบว่าอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด
ในส่วนข้อหาที่จะดำเนินคดี คือข้อหาความผิดฐานนำของผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดเกี่ยวกับของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และความผิดฐานนำเข้า ส่งออกหรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 โดยผู้ต้องหาที่จับกุมได้ 3 รายและอยู่ในระหว่างการติดตามตัวอีก 1 ราย หลังจากสอบสวนเสร็จสิ้น ในวันพรุ่งนี้พนักงานสอบสวนจะคุมตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาต่อไป โดยจะยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
สำหรับกลุ่มบริษัทเอกชนที่ทำหน้าที่สั่งซื้อหมู มีทั้งหมด 10 บริษัท พบว่ามีนายทุนอยู่เบื้องหลังจำนวน 4 ราย คอยทำหน้าที่จ่ายเงินให้ เป็นกลุ่มนายทุนที่อยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จ.ราชบุรี และ จ.นครปฐม ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่มีการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกร ซึ่งตอนนี้ได้ดำเนินการออกหมายจับไปแล้ว 5 บริษัท เหลืออีก 5 บริษัทอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้แน่ชัด ก่อนดำเนินการขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับต่อไป
นอกจากนี้ยังพบว่า บรรดา 10 บริษัท นอกจากทำหน้าที่สั่งซื้อหมูเข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบังแล้ว ก็จะทำหน้าที่ขนตู้คอนเทนเนอร์ที่ลักลอบนำหมูเถื่อนเข้ามาส่งไปตามห้องเย็นต่าง ๆ ที่ผ่านมาได้ลักลอบขนไปแล้วกว่า 2,385 ตู้ ซึ่งกลุ่มบริษัทเหล่านี้จะสำแดงว่าสินค้าภายในตู้เป็นจำพวกเนื้อปลาแช่แข็งหรือเนื้อสัตว์น้ำต่าง ๆ ซึ่งทาง DSI อยู่ในระหว่างการสืบสวนเพิ่มเติมว่า ตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้กระจายไปที่ใดบ้าง
สำหรับตู้คอนเทนเนอร์ 161 ตู้ ที่สามารถตรวจจับได้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง พบว่ามีราคานำเข้าในแต่ละตู้ 2,500,000 บาทต่อตู้ เฉลี่ยราคาตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 100-120 บาท จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรแช่แข็งจากต่างประเทศ โดยตอนนี้ทั้ง 161 ตู้ ได้ดำเนินการทำลายฝังกลบไปแล้ว 20 ตู้ เผาทำลายแล้ว 1 ตู้ เพราะเป็นตู้หมูเน่า ส่วนอีก 140 ตู้ อยู่ระหว่างการเตรียมทำลายในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นกรมปศุสัตว์ที่รับผิดชอบในเรื่องของวันที่และเวลากำหนดการฝังกลบต่อไป
ในส่วนการขยายผลหลังจากนี้ จะดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังทั้ง 4 รายหรือขบวนการกลุ่มอื่น ๆ เพื่อนำไปสู่การออกหมายจับมาดำเนินคดีต่อไปเบื้องต้น พบว่าม่จำนวนเงินที่สั่งซื้อหมูเถื่อนมูลค่าถึงหลายร้อยล้านบาท นับตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งสร้างความเสียหายต่อรัฐอย่างมหาศาลและส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบว่ามีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ส่วนบรรดาบริษัทสายเรือทั้ง 19 บริษัทที่ได้เรียกมาสอบปากคำก่อนหน้านี้นั้น จากพฤติการณ์และพยานหลักฐานแล้ว ยืนยันได้ว่าทั้งหมดเป็นพยาน ไม่มีบริษัทรายใดตกเป็นผู้ต้องหาหรือมีส่วนร่วมรู้เห็นในขบวนการการกระทำความผิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี