‘ศาลอาญากรุงเทพใต้’สั่งจำคุก‘เบนจา อะปัญ’ 2 ปี 8 เดือน ปรับ 8 พัน ปรานีโทษจำให้รอลงอาญา 2 ปี เจ้าตัวโอดเหลือคดีหมิ่นสถาบันล้วนๆอีก 8 คดี ขอกลับไปเรียนหนังสือต่อ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 30 ตุลาคม 2566 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบันหมายเลขดำ อ.1974/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.เบนจา อะปัญ นักกิจกรรมทางการเมือง กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ และนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
กรณีเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2564 น.ส.เบนจาปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ประกาศแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 2 ที่หน้าบริษัทซิโน-ไทย ในระหว่างกิจกรรม “คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช” โดยจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างแล้ว เห็นว่า การกรทำของจำเลยเป็นการหมิ่นประมาทล่วงเกินสถาบัน และผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จริง
พิพากษา ฐานดูหมิ่นสถาบัน จำคุก 3 ปี และปรับ 8,000 บาท ส่วนข้อหา ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำคุก 1 ปี ปรับ 12,000 บาท จำเลยให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้รวม 2 ปี 8 เดือน ปรับ 8,000 บาท
อย่างไรก็ตามศาลเห็นว่าจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และยังอยู่ระหว่างศึกษาชั้นปริญญาตรี และขณะกระทำผิดมีอายุเพียง 21 ปีเศษ ถือเป็นการกระทำผิดโดยขาดวุฒิภาวะ อยู่ในวิสัยที่จะกลับตัวเป็นพลเมืองดีได้ โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญา ไว้ 2 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้มีกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ได้เดินทางมารอให้กำลังใจน.ส.เบนจา อะปัญ หลังศาลนัดอ่านคดพิพากษา
ขณะที่ น.ส.เบนจา ได้เดินทางมาถึงศาล พร้อมกล่าวว่า ตอนนี้กำลังใจของตนยังดี และพยายามจะคลายความกังวลออกไป เพราะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ขอให้ไม่เป็นไปตามที่หวัง ต้องรับสภาพ และเดินหน้าสู้ต่อไป
เมื่อถามว่า แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลเป็นชุดใหม่แล้ว แต่นักกิจกรรมที่ยังถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 นั้น น.ส.เบนจากล่าวว่า คดีเหล่านี้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงยุครัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ซึ่งแม้เราจะมีรัฐบาลใหม่แล้วก็ตาม แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าคดีเหล่านี้เกิดขึ้นในรัฐบาลปัจจุบัน เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ตนคิดว่าในรัฐบาลนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ คือ หาจุดตรงกลางที่จะให้ผ่านจากเรื่องนี้ไปได้อย่างไร เพราะในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีผู้ถูกดำเนินคดีใน คดี มาตรา112 เยอะ และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลเก่า ที่ในวันนี้เป็นคดีสะสมสำหรับหลายๆ คน รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรต่อ และขอให้จับตาดู
เมื่อถามถึงกำลังใจหลังจากที่ทนายอานนท์ นำภา และนักกิจกรรมคนอื่นๆถูกดำเนินคดี มาตรา 112 ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา น.ส.เบนจา ยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมาก็มีบ้างที่กำลังใจลดลง เพราะก่อนหน้านี้การเคลื่อนไหวแผ่วลงไป แต่เข้าใจบริบทของสังคมทุกวันนี้เป็นการเคลื่อนไหวในรูปแบบของรัฐสภา ซึ่งตนมองว่า ต่อให้ดำเนินคดีกับพวกเราไปจนสุดทาง แต่คนที่เปลี่ยนไปแล้วก็เปลี่ยน การที่เอาเราไปขังคุก และตัดสินคดีจำคุกไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ทำให้สังคมนี้กลับไปอยู่จุดเดิม
น.ส.เบนจา กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นเพียงแค่อีกหนึ่งเรื่องที่จะต้องต่อสู้และผ่านไปให้ได้ ส่วนตอนนี้ตนมีคดีตนมีคดีรอการพิพากษาอยู่ 8 คดีซึ่งเป็นคดีในมาตรา 112 ทั้งหมด หากวันนี้ได้รับการปล่อยตัวตนจะกลับไปเรียนหนังสือต่อเพราะเหลือเวลาอีกกว่า 1 ปี
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี