เมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 เฟซบุ๊ก มูลนิธิกระจกเงา รายงานว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น “จำคุกตลอดชีวิต” ผอ.โรงเรียนที่ตกเป็นผู้ต้องหาฆาตกรรมน้องหลิว สาวโรงงานวัย 19 ปี พร้อมระบุรายละเอียดของคดีว่า
ปี 2555 น้องหลิว ออกจากบ้านไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรม 304 ปราจีนบุรี จากนั้นหายตัวไปอย่างลึกลับนาน 8 ปี จนครอบครัวแจ้งเรื่องมาที่มูลนิธิกระจกเงาให้ช่วยตามหาลูกสาวที่หายไป
ครอบครัวเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่รู้จะทำอย่างไรในการตามหา ประกอบกับมีคนส่ง sms ลวงว่าน้องหลิวไปทำงานต่างประเทศที่บ้านไม่ต้องเป็นห่วงจึงทำให้ครอบครัวรอน้องหลิวกลับมา
เราเริ่มต้นจากประสานงานตรวจข้อมูลในระบบราชการทั้งหมดไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ ไม่พบการเดินทางออกนอกประเทศ และเมื่อประเมินจากข้อมูลเชิงลึก ถึงเรื่องราวก่อนหายตัวไป คาดว่าน้องหลิวอาจไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
เราวางแผนค้นหาศพนิรนามโดยตระเวนไปตามโรงพยาบาลต่างๆเกือบ 10 แห่งในพื้นที่ 4 จังหวัดในรัศมี 200กม.จากจุดสุดท้ายที่หายไปเพื่อขอดูข้อมูลศพนิรนามเพศหญิงในห้วงปี 2555-2558
จนพบข้อมูลศพนิรนามทั้งหมด 3 ศพ แต่มีอยู่ 1 ศพที่ใกล้เคียงน้องหลิวที่สุด โดยเฉพาะห้วงเวลาที่พบศพใกล้กับช่วงที่น้องหลิวหายตัวไป โดยศพดังกล่าวมีรอยสักที่ข้อเท้าเหมือนกับรอยสักของน้องหลิว
กระทั่งผลดีเอ็นเอยืนยันศพหญิงนิรนามที่ถูกยิงและทิ้งไว้ในไร่อ้อยที่ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้วคือ น้องหลิว ที่หายตัวไปกว่า 8 ปี
ความยากของคดีอยู่ที่พยานหลักฐานที่ลบเลือนตามกาลเวลากว่า 8 ปีและผู้ต้องสงสัยซึ่งคบหากับน้องหลิวเป็นข้าราชการ ทีมงานจึงเริ่มต้นคดีโดยประสาน ตำรวจสอบสวนกลาง
ลงพื้นที่ร่วมสืบสวนสอบสวน
และที่สำคัญ พ.ต.อ.สาธิต มิตรรัก ผกก.สภ.วัฒนานคร เจ้าของพื้นที่ในขณะนั้น ได้ทำสำนวนสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องด้วยตัวเอง 16 พ.ย.2565 ศาลชั้นต้น ตัดสินจำคุกผู้ต้องหาตลอดชีวิต และเมื่อวานนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำคุกตลอดชีวิตผู้ต้องหา พอจะยืนยันถึงความแน่นหนาและรัดกุมของพยานหลักฐานได้เป็นอย่างดี ศพนิรนาม ได้กลับมามีชื่อนามสกุล คนหายได้กลับบ้าน และคืนความยุติธรรมให้ครอบครัวน้องหลิว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2565 ศาลจังหวัดสระแก้ว อ.เมือง จ.สระแก้ว ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์ เพื่ออ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดสระแก้ว เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจุมพล สุภาพงษ์ หรือ ผอ.ตุ๊ อดีต ผอ.โรงเรียนฯ จำเลยในคดีฆาตกรรม น.ส.มยุรี หรือน้องหลิว ขณะนั้นอายุเพียง 19 ปี ซึ่งหลังจบ ม.6 ได้ไปทำงานเป็นพนักงานโรงงานแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่เดือน พ.ค.2555 กระทั่งญาติได้ร้องขอความช่วยเหลือไปที่ศูนย์คนหาย มูลนิธิกระจกเงา ติดตามข้อมูลจากศพไร้ญาติ จนพบว่าถูกฆาตกรรมและนำศพมาทิ้งอำพรางคดีไว้กลางป่าอ้อยพื้นที่ ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว หลังเวลาผ่านไปถึง 8 ปี จนมีการรื้อฟื้นคดี จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่ จ.สุพรรณบุรี นำตัวส่งฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และศาลจังหวัดสระแก้วได้นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้
ทั้งนี้ นางสุรีวรรณ์ ยอดพะเนา อายุ 56 ปี บ้านอยู่หมู่ 3 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว มารดาของผู้เสียชีวิต และครอบครัว ได้ร้องขอต่อศาลให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามมาตรา 44/1 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยทำให้ นางสุรีวรรณ์ ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้อง เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพและค่าเสียขาดไร้อุปการะ รวมค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวน 1,788,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. 2555 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยทำการละเมิดต่อผู้ร้อง
ศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวน สภ.วัฒนานคร นำส่งพนักงานอัยการจังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีทั้งหลักฐานจากอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ซองปืน ผลการตรวจดีเอ็นเอ และคำให้การของเพื่อนผู้เสียชีวิต มีความชัดเจนเชื่อได้ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำเลยคุกตลอดชีวิต และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามคำร้องเป็นเงิน 1,700,000 บาท
ขอบคุณข้อมูล มูลนิธิกระจกเงา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี