"อธิบดีราชทัณฑ์"เซ็นคำสั่งเด้ง 3 ผู้คุม ปม"เสี่ยแป้ง นาโหนด"ให้ออกจากราชการไว้ก่อน หากผู้คุมร่วมวงวางแผนเอื้อหลบหนี พร้อมไล่ออกจากราชการ ระบุ คกก. ไล่บี้สอบข้อเท็จจริงทุกคน 2 ผู้บริหาร "ผบ.เรือนจำเมืองคอน-ผอ.ส่วนควบคุมฯ"ด้วย
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ออกหมายจับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เรือนจำกลางนครศรี ธรรมราช ทั้งหมด 3 ราย ได้แก่ นายวรินทร (ผู้คุมผลัดบ่าย) นายเอกลักษณ์ (ผู้คุมผลัดบ่าย) และนายวีระชัย (ผู้คุมผลัดเช้า) ฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งหน้าที่ควบคุมดูแลผู้ที่ต้องคุมขังตามอำนาจศาล โดยผู้คุมราชทัณฑ์ทั้ง 3 รายดังกล่าวได้มีพฤติการณ์ปล่อยปละละเลยในการควบคุมดูแลผู้ต้องขัง "นายเชาวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้ง นาโหนด" ก่อเหตุเวลา 01.00 น. วันที่ 22 ต.ค. โดยการใช้กุญแจผีไขสะเดาะตรวนข้อเท้า และหนีออกจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช
ล่าสุด นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยว่าถึงกรณีดังกล่าว ว่าในส่วนของกรมราชทัณฑ์ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ได้ดำเนินการตรวจสอบประเด็นต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เมื่อทั้ง 3 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ถูกศาลออกหมายจับ ตนจึงได้มีคำสั่งลงนามให้ทั้ง 3 รายออกจากราชการไว้ก่อน และเมื่อเรามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามหลักการก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงควบคู่ไปด้วย ซึ่งการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ก็เพื่อพิจารณาเป็นคำสั่งไล่ออกจากราชการ แต่ในส่วนของนายณรงค์ หนูคง ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และนายพูชนะ หิรัญรัตน์ ผู้อำนวยการส่วนควบ คุมของเรือนจำกลางนคร ศรีธรรมราช ซึ่งได้ถูกสั่งให้ไปปฏิบัติราช การอยู่ที่กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี
ก่อนหน้านี้ ก็จะถูกตรวจสอบจากคณะกรรมการฯเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เบื้องต้นทั้งคู่ยังไม่ได้ถูกออกหมายจับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด จึงยังคงปฏิบัติราชการอยู่ที่กรมราชทัณฑ์
สำหรับการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการนั้น นายสหการณ์ ระบุว่า คณะกรรมการจะดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมให้ครบทุกประเด็น เพราะเราไม่ได้มองเพียงผู้คุมราชทัณฑ์แค่ 4 ราย (เวรผลัดเช้า 2 ราย เวรผลัดบ่าย 2 ราย) ที่ได้รับหน้าที่ให้ดูแลผู้ต้องขัง แต่เราจะต้องตรวจสอบให้ครอบคลุมถึงผู้ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ ตอนนี้ตนเพิ่งได้รับรายงานการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะมีรายละเอียดเชิงลึกหลายประเด็น จึงขอเรียนว่ารายงานการสอบสวน ตนจะไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ทั้งหมด เพราะอาจเป็นการให้คุณหรือเป็นการชี้ช่องทางต่อผู้ที่มีส่วนกระทำความผิดได้ และคณะกรรมการจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน อาทิ พยานวัตถุ พยานเอกสาร พยานแวดล้อม พยานบุคคล เป็นต้น เพื่อนำมาใช้ในการขยายความถึงสิ่งที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ถูกกล่าวหา และบางส่วนอาจจะใช้ในการมัดตัวต่อพฤติ การณ์ความผิดที่เจ้าหน้าที่อาจจะเปิดเผยไม่หมดได้
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการจะไม่มีการตัดประเด็นใดที่สังคมเคลือบแคลงใจสงสัยทิ้งไปเด็ดขาด เพราะการสอบสวนในเรื่องของความผิดวินัยร้ายแรงจะเป็นการตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกมากขึ้น ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รายใดที่เข้าข่ายว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 7 รายที่ให้การช่วยเหลือผู้ต้องขัง หรือพบพยานหลักฐานว่ามีพฤติการณ์ไปติดต่อกับบางผู้ต้องหาเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการหลบหนีของผู้ต้องขัง ก็จะมีความผิดในเรื่องของวินัยร้ายแรงและนำไปสู่การไล่ออกจากราชการ
เมื่อถามถึงกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดผู้คุมราชทัณฑ์อีก 1 ราย ซึ่งอยู่ในเวรผลัดเช้าของวันเกิดเหตุร่วมกับนายวีระชัย หนูด้วง จึงยังไม่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน นายสหการณ์ เผยว่า ในประเด็นดังกล่าวจะเป็นดุลพินิจและอำนาจการตรวจสอบของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพราะเจ้าหน้าที่จะต้องดูพฤติการณ์ และพิจารณาควบคู่ไปกับพยานหลักฐานจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาในมาตรา 157 เหมือนกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 3 รายก่อนหน้านี้ แต่ตนได้รับทราบว่าผู้คุมผลัดเช้าทั้ง 2 รายก็ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้วยกัน แต่ข้อเท็จจริงที่ต้องพิจารณา คือ ผู้คุมราชทัณฑ์รายนี้ไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือได้ไปกระทำสิ่งใดจนเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนเชื่อได้ว่ามีการปล่อยปละละเลยเหมือนกับเจ้าหน้าที่ 3 รายก่อนหน้าหรือไม่
นายสหการณ์ เผยอีกว่า สำหรับผลการสอบปากคำทั้ง 3 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ของเจ้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จะไม่ได้มีการรายงานมายังราชทัณฑ์แต่อย่างใด เพราะว่าเป็นรายละเอียดในสำนวนคดี เว้นแต่ว่าทางคณะกรรมการได้มีการตรวจสอบในประเด็นใดแล้วต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม จึงจะประสานขอรายละเอียดบางส่วนไป แต่ก็จะต้องได้รับการพิจารณาจากพนักงานสอบสวนว่าจะสามารถเปิดเผยเนื้อหารายละเอียดภายในสำนวนได้หรือไม่ และขอยืนยันว่าราชทัณฑ์ยังคงเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด และไม่มีการให้ความช่วยเหลือต่อบุคคลในองค์กร หากผิดจริงก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะการปล่อยให้ผู้ต้องขังรายสำคัญหลบหนีไปได้เช่นนี้ ก็เป็นความผิดอันบกพร่องต่อหน้าที่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี