ป่วนทั้งบช.ก.!!! "เสี่ยหมู ปราจีน"นักพัฒนาธุรกิจที่ดิน ลงทุนเสี่ยงตายลงไปนอนขวางรถกลางถนนพหลโยธิน ร้องสื่อขอความเป็นธรรมอ้างถูก"พล.ต.ท.นอกราชการ"ยึดตลาด หลังนำไปจำนองกับทุนจีนเทา 40 ล้าน
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 8 พ.ย.66 ที่ ศูนย์รับแจ้งความ บช.ก. นายวุฒิโรจน์ อริยเดชอนันต์ เสี่ยหมู นักธุรกิจพัฒนาที่ดิน จังหวัดปราจีนบุรี เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน บก.ป. ในคดีที่แจ้งความว่าโดนอดีตตำรวจนอกราชการฉ้อโกงยึดตลาดสดต่อจากนายทุนชาวจีนซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าวสวมบัตรประชาชนคนตาย แต่เนื่องจากไม่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวให้ จึงแจ้งหมายให้สื่อทราบว่า เช้าวันนี้ตนเองจะมาเรียกร้องความเป็นธรรมที่กองปราบฯอีกครั้ง โดนนำหมายจับของนายทุนคนจีน 2 สามีภรรยาซึ่งเป็นคนต่างด้าวสวมบัตร ปชช.คนตายมาร้องให้กองปราบฯดำเนินคดีหลบหนีเข้าเมือง หากไม่ได้รับความสนใจอีก อาจจะมากระโดดรถไฟฟ้า หรือ นั่งขวางรถที่ผ่านไปมาบนถนนพหลโยธิน หน้าบช.ก.เพื่อประท้วงเรียกร้องความสนใจจากสื่อมวลชนด้วย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เข้าเวร รปภ.รอบสถานที่ บช.ก.ทราบได้นำกำลังมาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยทันที
จากนั้นเวลา 10.00 น. ที่บริเวณกลางถนนพหลโยธินขาเข้าบริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายวุฒิโรจน์ อริยเดชอนันต์ หรือ เสี่ยหมู นักธุรกิจพัฒนาที่ดิน ชาวจังหวัดปราจีนบุรี เดินลงไปนอนขวางรถกลางถนนพหลโยธิน จนเกิดการจราจรติดขัดชั่วขณะ เพื่อเรียกร้องความสนใจต่อสื่อมวลชนที่มาติดตามการนำเสนอข่าวบริเวณด้านหน้าศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก่อนจะมีผู้พาตัวนายวุฒิโรจน์ ออกจากบริเวณดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าการกระทำเช่นนี้เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย
จากการสอบถาม นายวุฒิโรจน์ เล่าว่า ที่ต้องทำเช่นนี้เนื่องจาก ที่ดินของตนเองในจังหวัดปราจีนบุรี ที่มีการทำเป็นตลาด ได้ถูกนายทุนคนจีนร่วมกับตำรวจระดับสูงยึดไป ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ตนเอง นำที่ดินดังกล่าวไปจำนองเพื่อแลกกับการกู้ยืมเงินของนายทุนจีนคนหนึ่งในวงเงินจำนวน 40 ล้านบาท โดยมีการทำสัญญาในระยะเวลาหนึ่งปีครึ่ง ซึ่งตามสัญญาเมื่อครบกำหนดตนเองจะต้องคืนเงินจำนวน 55 ล้านบาท มีตัวกลางในการทำสัญญาเป็นอัยการคนหนึ่ง แลกกับการต้องให้เงินกับเมียอัยการคนนี้จำนวนสองล้านบาท แต่ต่อมาในระยะเวลาประมาณ 3 เดือนนายทุนจีนคนดังกล่าวกลับทำการยึดที่ของตนเองไป โดยในตอนนั้นมีการเรียกตนเองไปเพื่ออ้างว่าจะทำสัญญาฉบับใหม่แลกกับเงิน 10 ล้านบาทเพิ่มเติม โดยนัดกันในพื้นที่พัทยาเมื่อตนเองเดินทาง ก็ได้มีการนำทนายกับตำรวจนอกราชการ เข้าไปดำเนินการยึดตลาดสดของตนเองเป็นที่เรียบร้อย
“หลังเกิดเรื่องตนเองได้เข้าไปติดต่อนายตำรวจยศพลโทรายหนึ่งที่ปัจจุบันเกษียณอายุราชการไปแล้ว ให้เข้ามาช่วยเหลือโดยพลตำรวจโทคนดังกล่าวรับว่าจะดำเนินการตรวจสอบคนจีนกลุ่มนี้ให้ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องยอมจ่ายเงินค่าดำเนินการจำนวนหนึ่งล้านบาท ซึ่งตนเองยินยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้เพราะหวังต้องการให้ตรวจสอบคนจีนและทวงคืนตลาดกลับคืน ซึ่งจากการตรวจสอบดังกล่าวพบว่าคนจีนกลุ่มนี้มีการสวมบัตรประชาชนคนไทย และมีหน่วยงานในประเทศหลายหน่วยงานเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง จนมีการร้องขอให้ตนเองหยุดดำเนินการ แลกกับการออกหมายจับชาวจีนที่เป็นคนถือโฉนดที่ดิน
“ต่อมาเมื่อมีการนำหมายจับเข้าไปจับกุม กลับกลายเป็นว่ามีการต่อรองกันโดยมาแจ้งกับตนเองว่าชาวจีนจะคืนที่ดินให้ แต่ขอเงินจำนวน 50 ล้านบาทคืน ซึ่งหากตนเองไม่มีไม่เป็นไรเพราะทางพลตำรวจโทรายนี้เสนอที่จะให้ยืมเงินจำนวนดังกล่าวดังกล่าว เพื่อไปไถ่กับคนจีนรายนี้กลับมาก่อน แต่แลกกับการต้องเปลี่ยนชื่อในสัญญาจากเดิมที่เป็นลูกสาวชาวจีนรายนี้ มาเป็นชื่อของลูกเขยของนายตำรวจยศพลตำรวจโทคนดังกล่าว ซึ่งเป็นลูกของนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลชื่อดังในประเทศ ซึ่งสัญญาดังกล่าวมีการทำไว้จำนวน 3 ปี มีการกำหนดดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 18 ต่อปี โดยหากตนเองไม่สามารถดำเนินการไถ่ถอนที่ดินในระยะเวลาสามปีได้ที่ดินจะตกเป็นของลูกเขยนายตำรวจคนนี้”เสี่ยหมู กล่าว
อย่างไรก็ตามหลังเวลาผ่านมาเพียงแค่ 11 เดือน นายตำรวจยศพลตำรวจโทคนนี้ก็ได้มาพร้อมกับลูกน้องก่อนพาตนเองเข้าไปในห้องของรองผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี โดยภายในห้องมีกลุ่มมือปืนจำนวนหนึ่งยืนอยู่ ก่อนข่มขู่ให้ตนเองยอมเซ็นยกตลาดให้กับนายตำรวจคนนี้ ด้วยความกลัวจะไม่ปลอดภัยจึงต้องยอมเซ็นยกที่ดินให้
นายวุฒิโรจน์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนเองได้พยามร้องขอความเป็นธรรมกับทางกองปราบมาตลอดตั้งแต่ปี 2563 แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร อีกทั้งครั้งแรกที่เข้าแจ้งความ ตำรวจกองปราบเองก็ไม่ยอมรับคดี ก่อนจะมีบุคคลที่อ้างว่าเป็นคนสนิทของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจากับทางกองปราบ พร้อมกับเรียกเงินจำนวน 65,000 บาท เป็นค่าดำเนินการ จนมีการรับทำคดี แต่สุดท้ายจนถึงขณะนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ในวันนี้จึงตัดสินใจเดินทางมาร้องขอให้ทางสื่อมวลชนช่วยนำเสนอข่าวเพื่อเป็นกระบอกเสียงกระตุ้นการทำงานของตำรวจ ให้ช่วยติดตามคดีของตนเองทั้งเรื่องของการถูกยึดยึดตลาด และคนจีนที่สวมบัตรคนไทยดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี