วันที่ 18 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า เมื่อช่วยเย็นวันที่ 17 พ.ย.66 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปวีดีโอจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าประตูทางเข้างานมหัศจรรย์ งานช้างแฟร์สุรินทร์ 2566 ซึ่งในคลิปวีดีโอจะเห็นได้ว่า มีรถกระบะ 4 ประตูสีขาวคันหนึ่งซึ่งมีหญิงสาววัยกลางคน ขับบรรทุกขวดน้ำมาเต็มคันรถ พยายามจะเข้าไปในงาน แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขอตรวจบัตร หญิงสาวที่ขับกระบะคันดังกล่าวกลับไม่ยอมโชว์บัตรกับเจ้าหน้าที่ แถมยังพูดจาบ่ายเบี่ยงอ้างว่าตัวเองมีบัตรหลายบัตร จะดูบัตรอะไร แล้วทำทีเป็นกดโทรศัพท์

จากนั้นก็ได้มีชายวัยกลางคนขับรถเก๋งมาจอด ก่อนจะลงจากรถพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวีดีโอ และบอกว่า ตัวเองมีบัตรสื่อ ซึ่งประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ได้ออกไว้ให้สื่อมวลชนประจำจังหวัดสุรินทร์ได้พกติดตัวเข้างาน และทางด้านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็พยายามแจ้งให้ทราบว่า จำเป็นต้องขอตรวจบัตร เพราะต้องทำตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายจากผู้จัดงาน จากนั้นชายคนดังกล่าวก็เดินไปหยิบบัตรจากรถเก๋งที่ตัวเองขับมาให้หญิงคนที่ขับกระบะ 4 ประตู ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ และโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงตะโกนโวยวายด่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วยคำหยาบคาย จากนั้นก็ขับรถเข้าไปในงาน

จากการตรวจสอบทราบว่า ชายที่อ้างว่าตัวเองเป็นสื่อคนดังกล่าว เคยสร้างวีรกรรมกร่าง บุกไปโวยวายในบ้านของชาวบ้านจนเป็นข่าวมาแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนั้นภรรยาของชายในคลิปที่อ้างว่าเป็นสื่อ ได้รับการร้องเรียนให้ไปทำข่าว แต่เมื่อไปถึงเจ้าของบ้านตัวจริงไม่อนุญาตให้ทำข่าว จึงเกิดการโต้เถียงกัน ก่อนจะโทรตามสามีที่อ้างว่าตัวเองเป็นสื่อขับรถตามมาโวยวาย คล้ายกับคลิปเหตุการณ์ล่าสุด

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามนางสาวหนึ่งฤทัย อายุ 34 ปี ผู้ถ่ายคลิป เล่าว่า ตอนที่รถกระบะ 4 ประตูสีขาววิ่งจะเข้ามาในงาน ตนก็ได้เข้าไปสอบถามด้วยวาจาสุภาพว่ามีบัตรเข้างานไหม ถ้าไม่มี ทางเราก็จำเป็นที่จะต้องให้ซื้อบัตรเข้างาน แต่หญิงวัยกลางคนที่เป็นคนขับนั้นไม่ยอมและบอกกับตนว่า เขาเป็นคนข้างใน ตนจึงบอกว่า ถ้าไม่มีบัตรก็ต้องให้คนที่อยู่ข้างในออกมารับ หลังจานั้นเขาก็ไม่พอใจและก็จอดรถกีดขวางทางเข้าออก ไม่ยอมหลบให้จนรถที่สัญจรอยู่เข้าออกงานไม่ได้

ด้านนายบุญมี อายุ 35 ปี ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์  เล่าว่า หลังจากที่ได้โต้เถียงกันสักพัก หญิงคนดังกล่าวก็อ้างว่าตนเองเป็นสื่อฯ แต่ที่ตนได้รับมอบหมายหน้าที่มาคือก็ต้องของตรวจบัตรทุกคนที่จะเข้ามาในงาน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสื่อฯ หรือหน่วยงานไหนก็ต้องมีบัตรที่ได้รับจากผู้จัดงานอยู่แล้ว และทีมของตนก็รู้ดี และก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมแสดงบัตรอย่างเดียว อ้างตนว่าเป็นสื่อบ้าง เป็นหน่วยงานนู้นนี้นั้นบ้าง 

แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้ชายขับรถเก๋งเข้ามา พร้อมกับโวยวายขึงขัง และบอกว่า เขาเป็นหน่วยงานที่ตรวจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมดของงาน แต่ตนก็ยืนยันที่จะต้องทำตามหน้าที่ หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็เดินไปเปิดประตูรถ และหยิบบัตรที่เป็นบัตรสื่อฯออกมาให้ตนดู ตนจึงบอกกลับไปว่า ถ้าพี่เอาบัตรให้ผทดูตั้งแต่แรง ผมก็ให้พี่เข้าไปในงานแล้ว ไม่ได้อยากมีปัญหาอะไร แต่ชายคนดังกล่าวก็ตะโกนขึงขังด่าตนด้วยถ้อยคำที่หยาบคายพอสมควร แถมยังมีการพุดจาข่มขู่อีกว่าจัดงานแค่ปีนี้ปีเดียวมั้ง ปีหน้าคงไม่ต้องมาจัดแล้ว

นายบุญมี  ยังเล่าต่ออีกว่า ส่วนตัวตนไม่รู้จัก 2 คนนี้มาก่อน เพราะตนอยู่ที่ กทม.และได้รับว่าจ้างให้มาปฏิบัติหน้าที่ ที่นี่ และชุดผู้จัดงานนั้นก็ไม่ใช้คนในพื้นที่ทั้งหมด ตน และทีมงานยืนยันว่ารถทุกคันที่เข้าออก ทีมเราต้องมีการตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยทุกคัน แม้กระทั่งพ่อค้า แม่ค้าก็ต้องมีบัตร หลังจากที่ตนและทีมงานได้ถูกมีการข่มขู่มานั้น ส่วนตัวตนก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร เพราะทีมเราเข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา แต่ตนคิดว่าด้วยความที่เขาอ้างว่าเป็นสื่อฯ ซึ่งจริงหรือไม่จริงตนก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่น่าที่จะใช้พฤติกรรม หรือคำพูดคำจาแบบนี้ ทั้งที่คุณก็มีบัตร ก็แค่แสดงบัตรให้เห็นเหมือนกับทุกๆคนเขาทำกัน แค่นั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย

หลังจากที่ได้มีการโต้เถียงกันแล้ว ชายคนดังกล่าวก็ได้ถ่ายคลิปวีดีโอ และไปฟ้องผู้จัดงานว่า ทีมของตนเป็นคนที่พูดจาไม่ดีใส่เข้าก่อน แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย ทุกคนใช้วาจาสุภาพทั้งนั้น ในคลิปก็เป็นหลังฐานยืนยันได้ อีกอย่างในพื้นที่ตรงนั้นก็มีกล้องวงจรปิด ตนก็พร้อมที่จะนำมาเป็นหลักฐานเช่นกัน ตนและทีมงานยืนยันว่าทำทุกอย่าง ทุกขั้นตอนอย่างตรงไปตรงมาตามที่ได้รับมอบหมายหน้าที่มา - 003