"สส.วิโรจน์"โร่ร้อง DSI รื้อปม "ผกก.เบิ้ม"ยิงตัวตาย ระบุเหตุพันส่วยรถบรรทุก ชี้เข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เผยพิรุธเพียบ ทั้งถูกคุมตัวเข้มในโรงแรม-สั่งตำรวจเฝ้า-ยึดมือถือ แถมเจ้าตัวแอบหนีทางบันไดหนีไฟโบกแท็กซี่กลับบ้านพัก ก่อนปลิดชีพดับ
วันที่ 21 พ.ย. 66 เวลา 14.00 น. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายต่อพงศ์ จีนใจน้ำ หรือ ทนายเข้ม เดินทางมายื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไธสงค์ หรือ ผกก.เบิ้ม ปลิดชีพตัวเองคาบ้านพัก จากเหตุ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ ถูกลูกน้อง"กำนันนก"ยิงเสียชีวิต อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายหรือไม่
นายวิโรจน์ กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือต่อดีเอสไอกรณีการเสียชีวิตของ ผกก.เบิ้ม ว่า ผกก.เบิ้ม อาจมีแรงกดดันจากภายนอก หมายถึงการกระทำใดๆ ที่ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่สร้างความทรมานแก่ร่างกายและจิตใจ เป็นเหตุที่ต้องเอาผิดกับบุคคลที่ประพฤติและกระทำเช่นนั้น อาจเข้าข่ายมีการกระทำความผิดตาม มาตรา31 พรบ.อุ้มหายฯ ทำให้บุคคลสูญหายหรือไม่ เนื่องจากช่วงก่อนที่ ผกก.เบิ้ม จะก่อเหตุปลิดชีพตัวเองคาบ้านพัก ผกก.เบิ้ม ถูกพาตัวไปพักที่โรงแรมย่านเมือง ทองธานี มีตำรวจเฝ้าหน้าห้องตลอดเวลา และถูกยึดโทรศัพท์มือถือ ต่อมาช่วงประมาณตี 4 ผกก.เบิ้ม เดินทางออกจากโรงแรม เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านพัก โดยภาพจากกล้องวงจรปืดบันทึกได้ว่ามีการออกทางบันไดหนีไฟ ดังนั้น หาก ผกก.เบิ้ม ไม่ถูกคุมตัว หรือจำกัดเสรีภาพ คงต้องตั้งคำถามว่าเหตุใด ผกก.เบิ้ม ถึงต้องหนีออกทางประตูหนีไฟ
โดยคืนก่อนที่ ผกก.เบิ้ม จะเสียชีวิต มีใครพยายามการกระทำอื่นใด ให้ ผกก.เบิ้ม รู้สึกทรมานต่อจิตใจหรือไม่ รวมทั้งยังมีการพาตัว ผกก.เบิ้ม ไปนอนโรงแรม โดยที่ไม่แจ้งญาติให้ทราบด้วย เป็นการปกปิดชะตากรรมของ ผกก.เบิ้ม
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า การเสียชีวิตของ ผกก.เบิ้ม มีส่วนเชื่อมโยงไปถึงเรื่องส่วยรถบรรทุก ที่มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท เชื่อมไปหาข้าราชการระดับสูงหลายนาย เป็นคดีที่มีความซับซ้อน กระทบศีลธรรมอันดีของประเทศ ลักษณะของคดีอย่างส่วยรถบรรทุกเข้าข่ายในความรับผิดชอบ DSI
นอกจากนี้ กรณีรถบรรทุกตกลงในบ่อ บริเวณซอยสุขุมวิท 64/1 ประชาชนก็เคลือบแคลงใจมากกับบทบาทของตำรวจระดับสูง ที่ออกมาบอกว่าไม่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องส่วย สติกเกอร์บรรทุกที่ติดอยู่เป็นเพียงการเสริมดวงชะตา โดยปัจจุบันตำรวจไม่ได้อยู่ในจุดที่ประชาชนไว้เนื้อเชื่อใจได้ จึงต้องหวังพึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ส่วนสาเหตุที่เพิ่งเดินทางมายื่นหนังสือ ตนคิดว่าคงต้องพิจารณากันหลายเรื่อง เพราะกฎหมายนี้เป็นกฎหมายใหม่ จึงได้มีการปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ตั้งข้อสงสัยต่างๆ จึงคิดว่าอาจเข้าข่ายความผิด พรบ.กระทำให้สูญหาย
ส่วนการที่มายื่นเรื่องล่าช้าเพราะ พ.ร.บ.อุ้มหาย เป็นกฎหมายใหม่ ซึ่งต้องมีการหารือกับฝ่ายกฎหมายก่อน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตของ ผกก.เบิ้ม ยิงตัวเองเสียชีวิต แต่ต้องการพิสูจน์ถึงสาเหตุก่อนหน้านั้นว่ามีแรงจูงใจอย่างไรเพราะยังมีลูกเล็กอายุเพียง 8 ขวบเท่านั้น”
โดยข้อมูลทั้งหมดที่นำมายื่นวันนี้เป็นข้อมูลโดยสุจริต ที่ได้จากการรายงานข่าวจากแต่ละสำนัก เมื่อรวบรวมแล้วพบว่ามีความผิดปกติ ส่วนรายละเอียดหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ตนหวังว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษจะสอบสวนเชิงลึก เป็นโอกาสดีที่จะทำให้สังคมเรียนรู้ประโยชน์จาก พรบ.ฉบับนี้ด้วย
ส่วนที่ทางครอบครัว ผกก.เบิ้ม ไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ตนเองก็เชื่อผลชันสูตรว่าเป็นการปลิดชีพ แต่ต้องสอบสวนเหตุการก่อนหน้าที่จะปลิดชีพ สาเหตุการเสียชีวิตไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือเหตุการณ์ก่อนน่าจะเสียชีวิต ที่ไม่มีคนให้ความสำคัญ
ด้านทนายต่อพงศ์ กล่าวว่า พรบ.กระทำให้บุคคลสูญหาย ปี 2565 มีผลบังคับใช้ 22 ก.พ. 66 เป็น กฎหมายที่ค่อนข้างใหม่ การคุมขังลักษณะนี้ ต้องมีการบันทึกภาพ และวิดีโอ แต่เคสนี้ไม่มี วันนี้ พรรคก้าวไกล นำโดย นายวิโรจน์ จึงมีความจำเป็นต้องเดินทางมายื่นให้ DSI ตรวจสอบ
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี